The Sinner : Season 1 (US,2017)
ตายๆ นี่ฉันไปอยู่ดาวไหนมาเนี่ย ถึงได้พลาด The Sinner อย่างแรง ดูพรวดเดียว 8 ตอนจบซีซันเลย เป็น 7 ชั่วโมงที่ตื่นเต้นเร้าหัวใจเต้นรัวจนต้องกด pause บ้างให้ตัวเองหายใจ
มันเริ่มจากวันนี้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการทำ Plot หนังฆาตกรรม ก็เลยอยากหาหนัง Mystery Thriller ฆ่าๆ เลือดๆ จิตๆ เข้า Netflix จิ้มไปจิ้มมาเจอเรื่องนี้ แล้วมันก็ได้เสพ ฆ่า เลือด เซ็กส์ ยา ทุกสิ่งที่ชีวิตใสๆ ต้องการ และที่สุดของที่สุด Plot ซีรีส์เรื่องนี้มันผูกปม หักมุมกันบ้าระห่ำไปแล้ว
เรื่องราวของลุงตำรวจ แอมโบรส พูดไม่เก่ง เตียงกำลังจะหัก เมียเบื่อหน่าย แต่กัดคดีไม่ปล่อย เข้าไปสืบหาแรงจูงใจของคดีฆาตกรรมประหลาดของ คอร่า แม่บ้านธรรมดาๆ ผัวก็รักลูกก็เล็ก ที่อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาฆ่าใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จัก แถมนางยังสารภาพผิดกับศาลซึ่งเรื่องมันก็น่าจะจบตั้งแต่สิบนาทีแรกแล้วใช่ป่ะ แต่ประเด็นคือ แอมโบรส ไม่เข้าใจว่า ทำไมเธอถึงต้องลงมือฆ่าคน
จำได้ว่าตอนเรียนเขียนบทมันมีวิชา Murder 101 หรือ ฆาตกรรมพื้นฐาน ใช่ฮะ เราเรียนวิชาฆ่าคนกันในคลาส อาจารย์สอนว่า นอกจากต้องคิดว่าฆาตกรใช้วิธีฆ่าอย่างไรแล้ว ต้องหาแรงจูงใจในการฆ่า หรือตอบคำถามให้ได้ว่า “ทำไม” ด้วย และคำว่าทำไมนี่แหละ ที่ซีรีส์เอามาขยายให้เป็นเรื่องเล่าที่ตื่นเต้นเร้าอารมณ์กระตุกสมองให้คิดตามทุกเอพิโสดเลย
เจสิกา บีล นางเอกซีซัน 1 ซึ่งเป็นโพรดิวเซอร์ด้วย ควักตังค์ดัดแปลงจากนิยายฆาตกรรมเยอรมันที่ผมอยากอ่านมาก มันต้องสนุกมากๆๆ แน่ๆ เลย ชอบความโดนหลอกให้หลงทางเดาอะไรไม่ได้เลยว่า เพราะอะไรนะ เธอฆ่าคนทำไมนะ ที่มีพล็อตพลิกผันแทบจะทุกฉาก
ชอบความเปิดเรื่องผูกปมคนคลั่งศาสนาสุดโต่งตอนอีพีแรกๆ แต่จบลงเอยอีพีหลังๆ ด้วยประโยคที่เหนือบัลลังก็ของศาลที่ว่า In God We Trust
“ไม่ลองไว้ใจพระเจ้าดูบ้างเหรอ” เพื่อนนักโทษสาวพูดกับคอร่า
“ไม่มีทาง ตลอดชีวิตของฉันพระเจ้ามอบให้แต่ความทุกข์ทรมาน”
“ถ้าอย่างนั้นเราอาจจะนับถือพระเจ้าคนละองค์”
สรุปนอกจากได้สนุกตื่นเต้นสมใจ วันนี้ยังได้เรียนรู้วิธีเขียนเรื่องฆาตกรรมกับแรงจูงใจ และก็วิธีค่อยๆ ปล่อยให้คนดูรู้เรื่องที่ละหน่อย จังหวะหนังแบบนี้นี่ถูกต้องใช่เลย ฝันอยากให้บ้านเรามีหนังฆาตกรรมสนุกๆ ซับซ้อนอย่างนี้บ้างครับ
