The Holdovers (US, 2023)

Joe Readery
1 min readFeb 13, 2024

--

“ครูรู้ใช่ป่ะ ว่าไม่มีใครชอบขี้หน้าครูสักคน ไม่สิ ทุกคนเกลียดครูเลยล่ะ” นักเรียนปากหมาเริ่ม

“คุณทัลลี่ คุณก็รู้ใช่ป่ะ ว่าไม่มีใครชอบขี้หน้าคุณสักคน ไม่สิ ทุกคนเกลียดคุณกันหมด” ครูตอบโต้

“ยู๊ดดด หยุดเดี๋ยวนี้นะครูฮันนาม! ครูจะบอกกับเด็กคนหนึ่งว่า บนโลกนี้ไม่มีใครสักคนแคร์เขาเลยไม่ได้ มันเท่ากับตอแหลในวันคริสต์มาสนะคะ”

บทสนทนาของคนโดดเดี่ยว 3 คนที่ไม่มีใครเอา ชีวิตพวกเขาเหมือนถูกทิ้งให้อยู่ในโรงเรียนช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายของปี 1970 ซึ่งเป็นวันหยุดคริสต์มาสของโรงเรียนประจำ ที่มักมีนักเรียนบางคนตกค้าง Holdovers กลับบ้านไม่ได้เพราะเหตุใดก็แล้วแต่ จนต้องมีครูสักคนอยู่ดูแลนักเรียนเหล่านี้ และปีนี้เพื่อนครูรวมหัวกันแกล้งครูฮันนาม โดยหารู้ไม่ว่า นี่จะเป็นคริสต์มาสที่ดีที่สุดในชีวิตของทุกคนซึ่งถูกทิ้งให้อยู่เฝ้าโรงเรียน

เริ่มจาก ครูฮันนาม ครูสอนประวัติศาสตร์โลก ซึ่งเป็นครูสายโหดจริงจังกับวิชาการ ไม่ปล่อยเกรดมั่วๆ เด็ดขาด เป็นโอตาคุสายนักปรัชญาและเรื่องเล่าในวัฒนธรรมโบราณ พ่นคำกรีก ละตินรัวๆ เด็กนักเรียนโคตรเกลียดครูแบบนี้เลยป่ะ เพื่อนครูก็เม้าว่าอีนี่มันเนิร์ด

แองกัส ทัลลี เด็กหนุ่มซิ่วมอสามหล่อใสวิ้ง คุณหนูเด็กเวรซึ่งเพื่อนเกลียดกันทั้งชั้น ด้วยความปากหมา พูดแสบกระทืบใจคนทุกคำ กวนตีนครูจนเพื่อนโดนลงโทษทั้งห้อง ทีแรกเขาก็กระหยิ่มว่าปีนี้จะได้กลับบ้านแต่แม่ดันเปลี่ยนแผนกะทันหันจนต้องกลายเป็นเด็กตกค้างอีกคน การต้องติดแหงกอยู่ในโรงเรียน ตำราประวัติศาสตร์ หิมะหนาเตอะ และครูฮันนาม มันคือคริสต์มาสนรกสุดโว้ย

แมรี่ แม่ครัวใหญ่ผิวสีป้าหน้าบูดของโรงเรียน อาสาขออยู่ทำอาหารให้เหล่าลูกคนรวยที่ตกค้างไม่กี่คนนี่แหละ เพราะลูกชายของเธอเพิ่งตายในสงครามเวียดนาม เธอคิดว่าเธอไปไหนไม่ได้ ฉลองคริสต์มาสห่าเหวอะไร ชีวีตมันห่วยแตกสิ้นดี ความเศร้าโศกสิเป็นสัจจะของชีวิตมนุษย์

โอย ขนลุกมากอ่ะ หนังดราม่า คอมเมดี้ สไตล์ผู้กำกับ อเล็กซานเดอร์ เพย์น เรื่องนี้ที่สร้างในสไตล์ 70s จ๋าๆ แบบภาพซีรีส์เก่ายุค 70s ซึ่งแบบมีภาพฟุ้งๆ สีหม่นๆ Dissolve กันเยอะๆ ผู้ชายใส่กางเกงขาบาน ผู้หญิงไว้ผมทรงฟาราห์ ฟอว์เซตต์ และมีเพลงกีต้าร์โฟล์คหวานๆ เป็นซาวด์แทรกอ่ะนึกออกป่ะ ผมอ่ะโคตรตกหลุมรักอะไรแบบนี้เลย

นี่คือหนังฤดูหนาวหิมะขาวโพลนซึ่งอบอุ่นมากๆ ขอยกให้เป็นหนังคริสต์มาสที่ดีที่สุดของผม of all time เลยก็ได้นะ และเป็นหนังครูนักเรียนที่ผมว่าประเสริฐได้เท่ากับ Dead Poet Society เลย แต่รอบนี้คุณครูคีติ้งซ่อนตัวมาในคราบครูโหดซึ่งนักเรียนเกลียด เป็นครูไหวใจร้ายที่ใครๆ ก็ไม่ชอบขี้หน้า ปะทะกับนักเรียนแสบที่ทุกคนเอือมระอา แต่กลับเป็นปฏิกิริยาเคมีความสัมพันธ์สุดประหลาด ก่อกำเนิดความเห็นอกเห็นใจระหว่างมนุษย์เหงากับมนุษย์เหงาขึ้นมาได้เฉย

“คุณคิดว่าวิชาประวัติศาสตร์มันเบื่อนักใช่ป่ะ

แต่รู้ไหม ประวัติศาสตร์นั่นแหละคือสิ่งที่ใช้อธิบายปัจจุบัน”

บทสนทนาที่ครูพร่ำสอนนักเรียนซ้ำๆ ซึ่งคนเขียนบทแม่งเอามาเป็นธีมของหนังด้วยไง คือหนังพยายามจะบอกเราว่า ทำดีต่อกันไว้สักหน่อยก็ได้ไหม ไม่ต้องเฟี้ยตใส่กันนักก็ได้ โดยเฉพาะกับคนที่มันไม่น่ารัก คนที่มันเข้ากับใครไม่ได้เลย บางทีเขาอาจจะมีบางสิ่งในอดีต หรือในประวัติศาสตร์ของเขาซึ่งเจ็บปวดที่เราไม่รู้ จนปัจจุบันเขากลายเป็นคนแบบนี้ก็ได้นะ หูย รักแมสเซจของหนังเรื่องนี้มากถึงมากที่สุด

“โลกกำลังแตกสลาย

แต่ชีวิตคือการยอมรับมัน”

คำเตือน นี่คือหนังเศร้าที่ทำให้เราหัวเราะก๊ากๆ ทั้งน้ำตา สนุกมากๆๆๆ แบบ Plot Twist หักมุมเซอร์ไพรส์กันทุกฉาก เอากะมรึงสิ หนังจบเศร้าพอตัว แต่รอบนี้ ผมอยากใช้หัวใจของผมได้เก็บน้ำตาเอาไว้ให้อยู่ แล้วหัวเราะดังๆ ให้กับชีวิตพังๆ กันดีกว่าไหม ชีวิตคนบางทีมันไม่มีทางเลือกเนอะ เราอาจจะถูกคนอื่นทอดทิ้งรักเกียจได้ก็จริง แต่เรายังคงมีทางเลือกที่จะกอบกำสิ่งที่เหลืออยู่ ให้มันเป็นชีวิตปัจจุบันซึ่งมีความหวัง และเป็นคริสต์มาสที่ดีที่สุดได้อยู่นะ หนังบอกผมอย่างนี้นะ

ดูจบแล้วรู้สึกเหมือนได้รับสมุดโน๊ตเปล่าเป็นของขวัญคริสต์มาส ไว้บันทึกชีวิต หรือเขียนนิยายที่คาอยู่ในหัวใจลงไปในนั้น ขอบคุณนะครับ ขอบคุณจริงๆ

ป.ล. ถึงแม้ตอนนี้จะตรุษจีนก็แล้ว วาเลนไทน์ก็แล้ว แต่ไปหาดูเหอะ อยากให้ทุกคนได้รับของขวัญชิ้นนี้นะครับ

ป.ล.2 อยากให้สังเกตหนังใช้เพลงคริสต์มาสฮิตๆ แดกดันเสียดเย้ยชีวิตห่วยๆ ไปพร้อมๆ กับให้พลังความหวังดีๆ ไปพร้อมกัน อัจริยะเกินไปแล้ว

--

--

Joe Readery
Joe Readery

No responses yet