The Boys in the Band (US,2020)
เวลาดูหนังฉลาดๆ แล้วผมก็อดคิดไม่ได้ว่าคนเขียนนี่เขากินอะไรเป็นอาหารนะ อ้อ อาจจะกินบทสนทนาของผู้คนที่เขาเจอ กิน ย่อย แล้วก็เก็บสะสมเอาไว้ในทุกเซลแหละ
Mart Crowley คุณปู่คนเขียนบทต้นฉบับเคยเล่าว่าตัวละครทั้งเก้าตัวนี่เป็นเพื่อนที่ปู่รู้จักทั้งนั้น เอามายำรวมๆ กัน ออกมาเป็นละครเวทีเกย์เรื่องแรกของโลกที่ดังทะลุฟ้าไปเลย เมื่อปี 1968 ตอนนั้นกว่าจะบิ้วคณะละครให้ยอมทำเรื่องนี้ได้คือต้องเอาความตลกแบบเฉียบๆ ไปเร่ขาย แล้วค่อยสอดไส้การต่อสู้เรื่องเกย์ โดยใช้ฉากของหมู่เพื่อนเก้ง เพื่อจะพูดเรื่องโฮโมโฟเบียในสังคม
“ขำเหี้ย ไรของมึงสัส”
“ขำชีวิต…ชีวิตแม่งโคตรไม่ต่างอะไรกับคณะก่อความไม่สงบด้วยเสียงหัวเราะเลยไหมมรึง”
เรื่องนี้เป็นหนังรีเมคของละครบอร์ดเวย์ปี 2018 โดยใช้คาสติ้งกับผู้กำกับเดียวกันเป๊ะ ซึ่งละครรวมดาวเกย์อันนี้ก็รีเมคมาจากละครต้นฉบับปี 1968 อีกที เป็นละครเวทีฉากเดียวในอพาร์ตเม้นของ ไมเคิล ซึ่งจัดงานปาร์ตี้วันเกิดให้เพื่อน หนังก็สร้างย้อนยุคไปนิวยอร์คปี 68 ของความรักทั้ง 7 ของเพื่อนโฮโม บวก 1 เฮทเทอโรและ 1 เด็กขายตัว ทั้งเรื่องเล่นกันอยู่ 9 คนนี่แหละ
“รู้สึกยังไงที่ต้องไปเร่ขายตัวเนี่ย”
“ผมน่ะก็แค่แกล้งทำเป็นตกหลุมรักลูกค้านิดหน่อย จะได้ไม่รู้สึกว่าเป็นกะหรี่มากนัก”
ไมเคิลและผองเพื่อนเป็นตัวแทนของเกย์นิวยอร์คยุค 1968 ซึ่งคือ 1 ปีก่อนการประท้วง Stonewall ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญของประวัติศาสตร์เกย์ แต่คำถามคือว่าหนังที่สร้างจากละครเวทีเกย์โบราณเนี่ย มันยังทำงานกับเราอยู่ไหม เดี๋ยวนี้ไม่มีใครแคร์แล้วป่ะ ใครจะเป็นใครจะไม่เป็น เคยฟังปู่มาร์ตเล่าว่า มีคนดูเดินมาบอกปู่ว่า เฮ้ย เรื่อง Coming Out ที่ปู่เขียนไว้ เดี๋ยวนี่มันโคตรเชยเลยอ่ะ และก็มีเด็กอีกคนเดินมาบอกว่า ขอบคุณที่เขียนมันออกมานะครับ นี่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้เลย
แต่สำหรับผมเรื่องการเป็นเกย์โดยเฉพาะในนิวยอร์ค ถึงแม้สมัยนี้มันไม่มีใครมาแคร์แล้วก็จริงแหละ แต่ แต่ แต่ เรื่องการเกลียดตัวเองน่ะ เป็นแฟชั่นใหม่ ไม่ว่าคุณจะเป็นเกย์หรือเปล่าด้วยซ้ำ นี่คือหนังที่ตัวละครทุกตัวในเรื่องแม่งโคตรเกลียดตัวเองเลย โห ไม่น่าเชื่อเนอะ ปมของมนุษย์นี่แม่งวนไปวนมาเหมือนเดิม
“พูดก็พูดเถอะนะ ฉันว่าชักว่าวเนี่ยเริ่ดสุดละ มันไม่ต้องทำตัวดูดีตลอดเวลาให้ใครเห็นก็ได้”
“ก็พูดไป ไม่ใช่ทุกคนจะแก่หัวล้านอย่างแกรซะหน่อย”
เคยมีเพื่อนที่ปากร้ายๆ ใส่กันป่ะ สงสัยไหมทำไมเขาร้ายจัง ทำไมเขาต้องพูดอะไรให้คนอื่นเจ็บปวดด้วย นั่นก็เพราะว่าเขากำลังเจ็บปวดจากการเกลียดตัวเองอยู่ยังไงล่ะ Hurt people make other people hurt แหละ และเรื่องแบบนี้มันสะพรั่งอยู่ในหมู่เพื่อนเกย์จิกกัดกันเอาตาย ก็เพราะว่าคนเป็นเกย์ไม่มากก็น้อยเกิดมาในสังคมที่บิ้วให้เขาเกลียดตัวเองไง เขาเป็นอย่างหนึ่ง แต่ถูกคาดหวังให้ตัวเองเป็นอีกอย่างหนึ่ง
หูย หนังเรื่องนี้ประเด็นนี้ชัดมากเลย เราสงสัยมากว่า คนเหล่านี้เขาเป็นเพื่อนกันจริงๆ เหรอ เพราะโอ้โหแต่ละนางปากคอเราะร้ายมากแม่ ด่ากันเอาเจ็บจี๊ดอ่ะ ในคำด่ามีทั้งกดให้อีกคนต่ำกว่า เหยียดผิว บุลลี่เรื่องความแก่ ท่าทางออกสาว ขี้เอา ปลวกเปลือกหรือคนไหนพูดอะไรโง่ๆ ก็จะโดนหัวเราะเยาะใส่ เรียกได้ว่าจิ้มปมด้อยกันจนน่วมอ่ะ แต่แปลกดีนะหลังจากฟาดปากกันจนบาดเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย แต่ความจริงกลับทำให้ได้แต่ละคนได้รับการฮีลลิ่งบางอย่างไปด้วยเช่นกัน ความจริงมันเจ๋งอย่างนี้เอง
อืม เรื่องนี้ถ้ามองข้ามเรื่องเกย์ไปนี่ บทละครแบบว่ายังไงก็ต้อง Study อ่ะ มันมาสเตอร์พีซมากๆ ปกติใครที่เป็นแฟนละครเวทีก็รู้ว่าเราดูซ้ำไปซ้ำมาได้สนุกทุกรอบ เพราะเวลาดูละครเวที เหมือนเราอาบน้ำชำระจิตใจด้วยบทสนทนา และเราดูความเลิศประเสริฐศรีของเหล่านักแสดง พวกเขาถ่ายทอดอารมณ์อันซับซ้อนของมนุษย์ ความปรารถนา ความกลัว การหลงผิด ความหวัง และความรักออกมาได้ชัดเจนมากๆ มันเหมือนส่องแว่นขยายใส่ชีวิตจริงอ่ะ ทำให้เราเห็นตัวเองได้ชัด
นึกออกป่ะ เช่น เหมือนเอาแว่นขยายส่องไปที่ความกลัวการเจ็บปวดจากรักครั้งแรกของเรา ที่เราขุดหลุมฝังไว้ แล้วพอตัวละครแสดงออกมา แว่นมันก็ส่องไปที่เรื่องของเรานั่นแหละ Powerful ของเรื่องเล่ามันอยู่ตรงนี้
แม้แต่ตัวละครที่เราเกลียดที่สุดในทุกเรื่อง มันก็คือพาร์ตนึงของตัวเราที่เราเกลียดตัวเองนั่นแหละ และหนังเขาก็ฉายขึ้นจอให้เราเห็นตัวเอง เออ มันเจ็บนะ เหมือนเกมส์โหดสัสในเรื่องที่เพื่อนๆ แข่งกันโทรศัพท์ไปหาคนที่เคยรัก และก็ต้องพูดบอกรักเขาเดี๋ยวนั้นด้วย ใครที่อดีตบอกรักกลับมาก็จะได้คะแนนสูงสุด โห ฉากนี้คิดว่าจะซึ้งเหรอ 55 แม่งโคตรเจ็บกันทุกคนเลย
แต่รู้อะไรไหม ความเจ็บปวดจากความจริงนี่มันเป็นของดีมากๆ เลยนะ เคยได้ยินที่เขาว่า ความจริงจะทำให้เราเป็นอิสระไหม มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันเจ็บกระอักจนน้ำตาไหลกันแหละ แต่หลังจากนั้นตอนที่เราค่อยๆ ฟื้นคืนชีพจากอาการปางตาย เราจะค่อยๆ เรียนรู้ที่จะหายใจและมีชีวิตใหม่อีกครั้ง คราวนี้ชีวิตมันจะพบกับความหวังยังไงล่ะ ความจริงนั้นทำงานอย่างนี้เอง
The Boys in the Band ฉบับ 2020 ช่างปลุกไฟ Inspire ผมสุดๆ ไปเลยครับ
#Netflix