Start-Up (South Korea,2020)

Joe Readery
2 min readDec 7, 2020

--

เขียนถึง Start-Up สักหน่อย ถ้าไม่ได้เขียนตอนนี้ก็คงไม่ได้บันทึกไว้หรอก นี่ผมอยากบันทึกมันขนาดนี้เลยเหรอ

ความ Start Up เนี่ย ที่สนุกคือการได้ดูกับเน็ตอ่ะ ปกติเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ดูทีวีด้วยกันแล้วไงครับ เรื่องนี้ผมเลยเหมือนมี CTO ส่วนตัวมาช่วยอธิบายศัพท์ Hi-Tech ยากๆ ของหนุ่มๆ ซามซานเทค และการได้ดูละครไปวิเคราะห์ธุรกิจไป วิเคราะห์บทไปคือพีคสุด มันคือเหลือเชื่อมากเลยนะครับที่เราจะมีใครสักคนซึ่งชอบอะไรด้วยกัน มันคือฝันที่ทำให้เรากล้าฝัน

ปกติบทซีรีส์เกาหลีเนี่ยก็รู้อยู่แล้วว่ามันดีมาก แต่เรื่องนี้ดีมากถึงมากที่สุดจริงๆ ชอบความเก็บทุกเม็ด ไม่ว่าจะหยอดมุขอะไรไว้ ก็จะมาตามเก็บ ชงอะไรไว้ก็จะมาตามตบ แม้ว่าบางมุขโยนไว้ Ep 1 แต่มาตบเอา Ep 16 ตอนจบเลยก็มี อันนี้คือความดีงามของ Structure ที่สุดจะสมบูรณ์แบบ

บทสนทนาระหว่างหัวหน้าฮันกับคุณย่านี่คือดีสุดเสมอทุกฉากที่เจอกันเลย ดีแบบว่าบ้าไปแล้ว ใครดูก็ต้องสัมผัสได้ความรักดีๆ ของคู่นี้ได้ ทุกครั้งเราจะตะโกนว่า “มึงได้กับคุณย่าไปเลยเหอะ หัวหน้าฮัน” ตัวละครแบบว่าสร้างมากี่ตัวก็หาเรื่องราวเฉพาะให้เราประทับใจได้ทุกตัว คนเขียนไม่ทิ้งใครเลย รักได้หมด

Start-Up นี่เหมาะมากที่จะดูเพื่อการศึกษาบทละครนะครับ เพราะมันดีจริงๆ ทั้ง theme plot character เช่น theme ที่พูดว่าความสำเร็จทั้งหลายเริ่มต้นที่ความกล้าที่จะฝัน อันนี้ก็ดีมากๆ หรือการเดินทางแบบไม่มีแผนที่ มันไม่ได้เลวร้ายเลย ชื่อซีรีส์ที่ชื่อ Start-Up ซึ่งหมายถึงการเริ่มต้นใหม่เนี่ย สังเกตป่ะมันเริ่มต้นใหม่กันแทบจะทุกฉากเลย

บทส่วน Character ผมชอบความกลมของตัวละคร แต่ละคนมีนิสัยเสียทุกคน ชอบความน้อยเนื้อต่ำใจของนัมโดซานและก็หัวหน้าฮันด้วย แต่ก็นะ ทุกคนก็มีด้านที่อ่อนไหวมากๆ ชอบความเลือกไม่ได้ว่าคนไหนคือพระเอกกันแน่ มันแบบเชียร์ไม่ถูกเลย แล้วพอเฉลยมันก็อดสงสารเสียน้ำตาให้อีกคนไม่ได้ ก็เราก็เชียร์ทั้งคู่มาตลอดนี่นะ ตอนพระเอกสองคนไปค้างบ้านกัน เรายังเชียร์ให้ได้กันเองจบๆ ไปเลย

การวาง Plot ของเรื่องนี้ นี่ระดับมหัศจรรย์นะครับ คนเขียนบททำงานหนักมากจริงๆ ชอบเทคนิคการเล่าเรื่องที่ตอนแรกจะเล่าไม่หมด แล้วค่อยมาตามเล่าอีกทีภายหลัง มันแบบเจ๋งอ่ะ เพราะมัน create mystery ในตอนแรก ทำให้เราอยากรู้ต่อ แล้วพอมาเฉลยก็เอ้อ เยี่ยมไปเรย

ชอบความเอาตำรา How to Business มาทำเป็นละคร Romantic Comedy แบบว่าบ้าบอไปแล้ว ชอบเรื่องการสอนทำธุรกิจแบบไม่รู้ตัว เช่น เฮ้ย แกมีความฝันอย่างเดียวไม่ได้นะเว้ย แก need business plan ที่ดีด้วย ชอบเรื่องที่แบบว่าไม่ใช่ทุกโอกาสที่เข้ามาจะต้องรีบคว้าไว้ บางโอกาสมันเป็นคำล่อลวงของพวกเขี้ยวลากดินในธุรกิจแล้ว ชอบความมืออาชีพที่ค่อยๆ เรียนรู้ของทุกคนมาก ชอบความเสียใจที่เกิดจากการตัดสินใจในธุรกิจผิดพลาด และก็ต้องยืดอกรับไว้

ชอบเรื่องที่หัวหน้าฮันสอนว่า ถ้าสู้ไม่ได้ให้ดึงเขามาเป็นเพื่อน เชรี้ยนี่มันตำราหนังสือบริหารธุรกิจสำหรับ Start-Up ชัดๆ ทีมงานทำสิ่งนี้ให้สนุกได้จริงๆ ด้วย ชอบนิสัยหัวหน้าฮันที่เลือกจะพูดความจริงไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

ชอบความอธิบายให้เข้าใจโคตรๆ ว่า CEO กับ CTO แตกต่างกันยังไง

ชอบความถ่อมใจของเพื่อนๆ ตอนที่ต้องแบ่งสัดส่วนหุ้น

ชอบบอร์ดติดกระดาษสีๆ ที่เอาไว้เขียนความฝันของคนหนุ่มสาวผู้เพิ่งเริ่มต้นชีวิต ซึ่งเขียนเป้าหมายตัวเองลงไป ชอบความไร้เดียงสาของเด็กหนุ่มสาว

ชอบเรื่องเล็กเรื่องน้อยที่เล่าข้างในเรื่องอีกที เช่น เรื่องทาร์ซานกับเจน ที่เอามาสอนนางเอกเรื่อง machine learning ชอบเรื่อง sandbox ที่เป็นทรายนุ่มๆ ไว้ให้คนรุ่นต่อไปล้มจะได้ไม่เจ็บมาก เหมือนเด็กตกชิงช้า ชอบความสัมพันธ์ของหนุ่มๆ ซามซานเทค แบบว่าความสำเร็จ หรือแม้แต่ล้มเหลวน่ะ มันดีกว่าเยอะเลยถ้ามีเพื่อนร่วมฝันอยู่ข้างๆ

ชอบคุณย่าที่ช่วยคนอื่น ช่วยหัวหน้าฮันตอนเด็กแบบให้เปล่าๆ เลยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทนอะไร ก็ถ้าอยากตอบแทนฉันนักก็เอาไปให้คนรุ่นต่อไปที่เขาลำบากแล้วกัน โห เคยแต่อ่านเจอในตำราไม่เคยเห็นในละครเลย

ชอบนางเอกมากที่นางไม่เคยฟูมฟายกับความล้มเหลวในแต่ละสเต็ปเลย แน่ล่ะนางล้มลุกอยู่อย่างนี้ตลอดเรื่อง เจ็บก็ร้องไห้ แต่ไม่ฟูมฟายต่อว่าโชคชะตา นางหาทางกลับสู้ใหม่อยู่เสมอเลย เราว่าอันนี้เป็นบุคคลิกที่จำเป็นที่สุดของ start up เลยนะ ตอนที่นางประสบความสำเร็จแล้ว ใครโวยวายว่านางโชคดีจังที่ได้ ผัวหล่อ ผัวรวย งานรุ่ง ใครพูดอย่างนี้ไม่ได้เลย เพราะตลอดเรื่องนางล้มลุกคลุกทราย จนต้องนับถืออ่ะ

ดูหนังดูละครแล้วอดย้อนดูตัวไม่ได้ว่า พื้นที่ยืนของคนที่ประสบความสำเร็จมันจะมีแค่ความฝันไม่ได้ อย่างนั้นมันไร้เดียงสาเกินไป มันต้องผ่านบททดสอบเจ็บๆ ทีละบทให้ได้ มันต้องถามตัวเองบ่อยๆ ว่าเราทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่ไหม สิ่งที่เราทำมันช่วยเหลือคนอื่นได้จริงๆ ไหม จังหวะนี้มันถูกต้องแล้วหรือยัง เร็วไปหรือช้าไป และที่สำคัญที่สุดเลยนะผมว่า เราตัดสินใจทำสิ่งนี้โดยมีพื้นฐานอยู่บนความรักไหม

ความรัก ความอดทน ความถ่อมใจ ความกล้า ความจริง และความถูกต้อง เหล่านี้คือบทเรียนของความสำเร็จที่ซีรีส์เรื่อง Start-Up มอบให้กับผม และอยากสรุปว่าทั้งหมดนั่นน่ะที่ผมชอบที่สุดคือ The Power of Storytelling ที่ผมเห็นชัดเจนเลยว่า ถ้าเรา Craft เรื่องเล่าของเราดีๆ เราจะช่วย Inspire หรือ Encourage ผู้คนได้อย่างไร

ป.ล. อ้อ ชอบสุดอีกอย่างคือ ใครจะแย่งนัมโดซานหรือหัวหน้าฮันก็แย่างกันไปนะ ผมขอจองหัวหน้าฮันตอนเด็กเท่านั้น 555 ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ได้กับนัมโดซานตอนผมยาว

--

--

Joe Readery
Joe Readery

No responses yet