Roma (US,2018)
ชีวิตในปี 1971 ของเกลโอ นี่มันสุดๆ ไปเลยนะ
เกลโอเป็นคนใช้ในบ้านของครอบครัวคุณหมอ ลูกสี่ เธอทำงานบ้านทุกอย่างแบบที่คนใช้ทุกคนต้องทำรวมทั้งคอยดูแลเด็กๆ วัยซนทั้งหมดด้วย แต่เธอก็ทำงานอย่างมีความสุขพอสมควรดีนะ เด็กๆ วายป่วงทุกคนรักเธอ เจ้านายก็ดีพอใช้ได้ คุณผู้ชายไม่ค่อยอยู่บ้าน คุณผู้หญิงก็ดีแหละ มีอารมณ์เสียใส่บ้างเป็นครั้งคราว
ดูแล้วคิดถึงแม่บ้านชาวพม่าของผมตลอดเรื่องเลยครับ เธอชื่อนกกับสาว อืม ผมไม่เคยมองโลก หรือบ้านในสายตาของคนที่คอยดูแลบ้านผมเท่าเรื่องนี้มาก่อน เคยแต่มองโลกในสายตาเจ้านาย หรือคุณหนูขี้วีน ดูเรื่องนี้แล้วถึงได้เห็นความลำบากหนักใจ ในหลายๆ ประเด็นที่พวกเธอต้องเผชิญเลย
บางอย่างคนเป็นแม่บ้านมันพูดออกมาไม่ได้ เธอถูกตำหนิทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของเธอ ทำไมไม่เก็บขี้หมา ทำไมไม่ดูน้องให้ดี ทำไมมายืนตรงนี้ไม่มีอะไรทำหรือไง ทำไม ทำไม ทำไม เออ เข้าใจแล้วว่ามันเจ็บ ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะทำให้มันดี หรือบางทีก็แค่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
อัลฟอนโซ คัวรอน ทำหนังเรื่องนี้เพราะคิดถึงแม่บ้านที่เป็นพี่เลี้ยงของเขาตอนเด็ก เขาเขียนหนังราวกับเป็น Memoir ส่วนตัวเลย เขียนจากความทรงจำ ไม่ใช่ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ เช่น ช่วงนั้นเม็กซิโกมีม็อบนักศึกษา เด็กหนุ่มบ้ากังฟู มีโรงหนังฉายหนังตลกสงคราม รวมทั้งพวกแผงขายของเล่นหน้าโรงหนัง เช่น ลูกบอลเป่าลม ตัวตุ๊กตุ่น ของเล่นมายากล
ชอบความ ดินน้ำลมไฟ และท้องฟ้าในหนังเรื่องนี้มากครับ เพราะมันสะท้อนถึงชีวิตที่มีครบรสของมนุษย์ได้ดีมากๆ เลย หนังเปิดเรื่องด้วยช็อตอัศจรรย์ ของกระเบื้องดินปูพื้นแล้วก็โดนน้ำราดจนเห็นเงาท้องฟ้าที่มีเครื่องบินๆ ผ่าน ดูแล้วได้แต่อุทานไอ่เชรี้ย พี่อัลฟอนโฟฟาดตั้งกะช็อตแรกเลยวุ้ย
หนังมีความ Cinematic หรือใช้ภาษาหนังเล่าเรื่องระดับสูงสุด ภาพขาวดำที่เห็นไม่ใช่แค่สวยระดับสั่นสะเทือนใจ แต่มันยังเล่าเรื่องได้สมบูรณ์มากๆ วิเคราะห์กันได้ทุกช็อตเลย ชอบที่หนังใช้เลนส์ไวด์มากๆ มันทำให้เห็นมิติความลึกของฉากทุกฉากเลย แบบที่อะไรอยู่ใกล้ๆ เลนส์เล่าเรื่องนึง ตรงกลางๆ และลึกเข้าไปก็เล่าอีกเรื่องนึง มันเจ๋งมากเลยครับ
ชอบที่หนังแทบจะไม่มีภาพ Close-Up ของนางเอกแม่บ้านเกลโอที่รักของเราเลย มันเว้นระยะให้เรากับนางห่างกันหน่อยๆ อารมณ์เหมือนเจ้านายลูกน้องแหละ ที่ไม่ว่าจะรักกันแค่ไหนก็ยังจะมีระยะห่างอยู่ระดับนึง ผู้กำกับแม่งโคตรคิด
ชอบการถ่ายทำหนังเรื่องนี้มาก ที่แต่ละวันนักแสดงไปเข้าฉากโดยที่ไม่รู้เลยว่าวันนี้จะถ่ายฉากอะไร แต่ละคนจะถูกบรีฟที่หน้ากองแล้วก็เล่นสดเลย หนังมันถึงได้มีความสดแบบมหัศจรรย์มากๆ และที่ไม่ชมไม่ได้เลยคือ Production Design ที่ไปหา Prop กันมาจากไหนวะ แบบถ่ายหนังย้อนยุคเมืองเม็กซิโกซิตี้แบบทั้งถนนอ่ะ บ้าคลั่งมาก
และและและพี่น้องครับ นี่เป็นหนังที่ไม่มี Score หรือเพลงประกอบเลย แต่เรื่องราวที่เห็นอ่ะมันให้อารมณ์เหมือนดูหนังเมโลดราม่าสุขเศร้ารันทดเว่อๆ โอ๊ย สรุปรวมๆ นี่เป็นหนังที่คนทำหนังทุกคนต้องดูจริงๆ มันฉีกแหวกแหกทุกกฎการทำหนังแบบสุดขีดคลั่ง ขณะเดียวกันก็เคารพเข้าใจบรรลุทุกกฎการทำหนังระดับมาสเตอร์แบบขั้นสุด
สรุปนี่คือหนังระดับ Master Piece ที่สามารถเอามาสอนหนังสือได้ 1 วิชาแน่ๆ และนี่คือหนังที่แสดงให้เราระลึกได้ว่าชีวิตมันช่างเต็มไปด้วยความสุขความทุกข์ และมันก็ช่างงดงามเหลือเกิน ชอบประโยคติดปากของเด็กๆ มากที่พูดว่า “เมื่อก่อนตอนที่ฉันยังแก่นะ…” 555 มันคือประโยคืของ อัลฟอนโซ คัวรอนตอนเด็กอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ป.ล. มีติ่งคลั่งเอา Shot ในหนังเรื่องนี้ไปใส่ค่า Pi รูปเปลือกหอยอ่ะ แล้ว Composition แม่งเป๊ะทุก Shot เลย หูยนี่มันบ้าบอเกินมนุษย์ไปแล้ว
#Netflix