Past Lives (US-South Korea,2023)
เขียนเหอะ มันเหมือนมีอะไรคาใจกับหนังเรื่องนี้ หนังทิ้งบอมบ์หนักๆ ให้หัวใจเรานะ อินยอน หรือพรมลิขิตโง่ๆ มันยังมีอยู่จริงในโลกยุคทินเดอร์ไหมนะ
มันเป็นหนังประเภท Minimalism ที่ประเสริฐมาก แอบคิดไปว่าถ้าเป็นหนังสือคงเจริญใจ ได้อ่านคอนเชียสของตัวละครมากกว่านี้ แต่พอเป็นหนังที่เราเองยังดีไฟน์ไม่ได้เลยว่า แบบนี้เรียก conflict เยอะหรือจิ๊บๆ วะ
การสังเกตคนตอนหนังจบเดินออกจากโรงคือสนุกมาก มีคู่รักที่นั่งข้างๆ บ่นว่าอ้าวจบแล้วเหรอ หนังไม่เห็นมีอะไรเลย แต่พอเราเดินกำลังจะออกจากแถวที่นั่ง มีหญิงสาวอยู่คนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้โฮๆ จนเราแอบคิดไม่ได้ว่าหนังทำงานอะไรกับหัวใจของเธอนะ นี่แทบจะชวนเธอไปกินเบียร์กันต่อไหม พี่อยากเผือก
หนังมันล้ำมากนะเรื่องนี้ในสายตาเรา อันแรกเลยนี่คือหนังที่ฉากดราม่าน้อยแต่หนักหน่วง อืม มิน่ามันถึงกระทำกับคนต่างกัน คนซึ่งชอบดูหนังที่เห็น conflict ง่ายๆ เยอะๆ โบ๊ะๆ โปะเข้ามาให้แสบน้ำตาไหลแบบหนังรักเกาหลีทั่วๆ คงผิดหวัง เพราะหนังเรื่องนี้มันเป็น conflict ที่อยู่ระดับจิตวิญญาณกันเลย และมันถ่วงหัวใจดิ่งหนักมาก
ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องรักสามเส้า นี่ยังมีที่เหลือประเด็นให้ทำหนังกันอีกเว้ย แต่เรื่องนี้ถือว่าสำเร็จกิจ มันเก้วมากคือรักสามเส้าระหว่าง เธอกับเขาคนที่เป็นผัวในชาตินี้ และเธอกับเขาคนที่เหมือนเป็น soulmate จากชาติที่แล้ว นี่ไง conflict ยักษ์ใหญ่มหึมา ที่ทำให้หนังสนุกฉิบหายในสายตาเรา
จริงๆ มันเป็นหนังที่เรื่องน้อยมากถึงมากที่สุด แบบอีเมียพาผัวชาติก่อนทัวร์ชะโงกนิวยอร์คแบบเบๆ บทพูดก็อ้ำๆ อึ้งๆ คุยเรื่องทั่วๆ ทว่ามันลุ้นตัวโก่งเลยนะว่า นางเอกจะเลือกใครระหว่างผัวแสนดี กับผัวในจินตนาการ
สิ่งที่ชอบมากระดับที่เราจะกลับไปดูซ้ำอีกสัก 6 รอบคืองานกำกับของ Celine Song ล่ะ นี่แม่ทำหนังเรื่องแรกจริงป่าวเนี่ย งานดีไซน์ Shot แบบละเอียดยิบใช้ภาษาหนังได้แม่นราวกับนักกีฬายิงธนูโอลิมปิก อย่างที่บอกว่าเรื่องมันน้อยมาก บางทีตัวละครก็ยืนมองหน้ากันเฉยๆ ด้วยซ้ำ แต่มันใช้ภาษาภาพยนตร์เล่าออกมาถึงความคิดความรู้สึกของตัวละครได้ละเอียดยิบ เช่น
ฉากแรกเลย เปิดที่บาร์เหล้าตอนตีสี่ เราได้ยินเสียงใครไม่รู้แบบ off-screen เม้ามอย คน 3 คนนั่งอยู่ที่บาร์ หนุ่มเอเชี่ยน สาวเอเชี่ยน และหนุ่มฝรั่ง พวกเขามีความสัมพันธ์ยังไงกันนะ ฝรั่งนั่นอาจจะเป็นไกด์ทัวร์กับนักท่องเที่ยวไหม หรือพวกเขาจะเป็นเพื่อนร่วมงานแวะกินเหล้าหลังเลิกงาน หรือยังไง หนังสร้าง Dramatic Question ทิ้งไว้ในหัวเราคนดูละหนึ่ง
อีกฉากที่ชอบคือ ฉากที่ผัวฝรั่งเมียเอเชี่ยนนอนคุยกันมืดๆ บนเตียงถึงคำเกาหลีอินยอน หรือความรักข้ามชาติภพก่อนของอีเมียว่า จะเป็นยังไงถ้าตอนนั้นที่เราไป Artist in Residence เราไม่ได้เอากัน วันนี้เราจะยังเป็นผัวเมียกันไหมนะ หรือจริงๆ แล้วปัจจุบันเธอมีความสุขไหมที่อยู่ด้วยกัน หรืออยากกลับไปลองคบกับหนุ่มที่รักกันมาจากชาติที่แล้วดูไหม ฉากนี้อ่ะ ถ่ายแบบ Low Key แสงน้อยๆ Blocking แบบพลิกตัวไปมาบนที่นอน คุยกันเหมือนเรื่อยเปื่อย แต่ทรงพลังมากๆๆๆๆ เป็นใครก็ต้องคิดแหละว่าถ้าเป็นเราจะเอาไงดีวะ
และฉากที่เราชอบที่สุดคงเป็นฉากท้ายๆ ที่อีเมียบอกผัวชาตินี้ขอลงไปส่งผัวชาติก่อนขึ้นอูเบอร์แป้ปนะ แล้วที่หน้าบ้าน กล้อง Dolly ไปทางซ้าย ตามหนุ่มสาวไปตรงๆ จนสุดรางอ่ะ แล้วกล้องก็หยุด ผู้หญิงถามว่ารถจะมายัง ผู้ชายตอบว่าอีก 2 นาที แต่เชรี้ย แม่งเอ๊ย เป็น 2 นาทีสด uncut ที่ลุ้น อึดอัดที่สุดของการดูหนัง of all time ของเราเลย แล้วพอรถมา กล้องก็ Dolly ขวากลับไปซื่อๆ จนถึงบ้านอีกรอบ นี่ถ้าไม่เกรงใจประเด็นยืนไม่ยืนในโรงหนัง จะยืนปรบมือยาวๆๆ ไปให้กับทีมงานราวกับนางแม่กำลังขึ้นไปกล่าวสปีชบนเวทีออสการ์เลย มันประเสริฐมากแม่
สิ่งที่คาใจจนตัวโยน คือทำไมเราชอบหนังเรื่องนี้มากจังวะ มันเหมือนการดูหนังเรื่องนี้มันเป็นการเอาตัวเราไปห้างให้ร้าน update CPU อ่ะ เหมือนดูแล้วฉลาดขึ้น 20% ร่วมสมัยขึ้นอีก 40% และอีก 40% คือได้ทำความสะอาดตะกอนความรักโง่ๆ ของตัวเองที่ตกค้างจากชาติที่แล้ว
ชอบความ Globalization ของหนังระดับมหึมาถึงมโหฬารที่สุด โลกเปลี่ยนไปมากๆ แล้ว ความเชื่อโบๆ ของคนก็เปลี่ยนไปแล้วนะ คนกินพาสต้ากิมจิเป็นแล้ว แต่ความรู้สึกของมนุษย์ต่างหากที่ยังเหมือนเดิม ชอบเห็นอะไรแบบนี้มากครับ เป็นหนังที่กระพริบตาบ่ได้เลย การดูหนังเรื่องนี้ขาดไปสัก 2 เฟรมถือว่าไม่คุ้มที่สุด
ไปดูเหอะ ไปนั่งฟังเพลงอย่างเดียวก็ยังได้ เพลงประกอบโคตรไพเราะ เพลง You Know More Than I Know ของ John Cale คือประทับลงตรงจุดที่สุด และไม่ว่าคุณจะ identify ว่าตัวเองคือเมียที่ต้องเลือกระหว่างผู้ชายสองคน หรือเป็นผัวที่กำลังจะเสียเมียให้ผัวเก่า หรือเป็นคนจากชาติที่แล้วซึ่งมาตามทวงคืนรักแท้ มันต้องโดนคุณเข้าสักตำแหน่งแหละ และไม่ว่าคุณจะยืนตำแหน่งไหนจงระวังหัวใจตัวเองไว้ให้ดีว่าคุณอาจต้องเสียน้ำตา ให้กับหนังที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเรื่องนี้
ป.ล.ขอบันทึกไว้หน่อยว่า นี่คือหนังที่ก่อนเข้าโรงไปนั่งดวล Cabernet Sauvignon กันจนหมดขวดเบย 555 ฮิ้ว หรือว่านี่คือชาติที่แล้วของชาติหน้ากันนะ