One for the Road (Thai,2022)
เขียน free writing ถึง one for the road หน่อย definitely ไม่ใช่บทวิจารณ์แน่ๆ
อืม เมื่อคืนไปดู oftr มา ตอนดูก็ร้องไห้ตามตัวละครนะ จริงๆ ตั้งใจไว้ตั้งแต่ดูหนังในโรงว่า จบแล้วจะวิเคราะห์หน่อยว่า เราร้องไห้ทำไม
จริงๆ ถ้ามองเรื่อง regret หรือเสียใจ หรืออยากขอโทษใครนี่ไม่มีจริงๆ นะ คิดอีกที ก็ไม่มีอ่ะ เออ ถ้ามีบ้างก็อยากเจอบีอีกสักครั้งก่อนตาย อืม มันมีความคิดนี้ผุดขึ้นมาตอนดูหนังเหมือนกัน อยากเจอบีอีกสักครั้งก่อนตาย
เออ อยากเจอไปทำไมนะ ก็ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรก็ได้ อยากเจอเฉยๆ ไม่ได้คาดหวัง ไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาอีก ไม่กลัวด้วย ไม่กลัวที่จะเจอความเกลียดของเขาว่าจะทำให้เรานอยด์ไหมด้วย ไม่กลัวแล้ว เพราะเราไม่ได้ต้องการอะไรจากบีอีกแล้ว
จำได้ว่า เราร้องไห้ 3 ครั้งในหนัง oftr รอบแรกตั้งแต่ อลิซที่เป็นครูสอนเต้นรำที่โคราช เราร้องไห้ทำไมนะ ให้เดาก็คงเพราะอลิซที่โคราชไม่ผมแดงแล้ว อืม ร้องไห้ให้ความจริงของชีวิต Reality bites อ่ะ ความจริงแม่งโคตรเจ็บ ร้องไห้ให้กับความฝันที่ตาย อะไรๆ ในชีวิตมันไม่เป็นอย่างที่หวังหรอก เราคงร้องไห้ให้กับเรื่องนี้ มั้ง
ร้องอีกครั้งตอนพี่รุ้งใช่ป่ะนะ ร้องทำไมนะ หรือเพราะฝนตก หรือเพราะเรื่องเดียวกัน ความฝันที่ไม่เหมือนความจริง ใครทุกคนก็มีความฝันอยากเป็นนู่น อยากทำนี่ เมื่อโตขึ้นด้วยกันทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไปเรียนต่อเมืองนอกอ่ะ เราได้ไปอยู่ในเมืองที่มันเจริญแล้วเราก็เผลอตัวคิดไปว่า กลับมาเมืองไทยเราจะทำให้มันเจริญขึ้น เรานี่แหละจะเอาความฝันสวยงามมาฉายแสงให้เมืองไทยมันสวยขึ้นให้ได้ เราจะพยายาม แต่…
อืม เราร้องไห้ให้ความฝันพังๆ ว่ะ จากหนังเรื่องนี้ รวมไปถึงพริมด้วยด้วยอ่ะ เด็กผู้หญิงที่ฝันอยากไปนิวยอร์ค ไปให้ไกลจากเมืองเกิดเหี้ยๆ เพื่อที่จะได้พบว่าทุกเมืองแม่งลำบากทั้งนั้น ชีวิตยากทั้งนั้น เราจำได้ว่า ครั้งนึงตอนที่เราอยู่แอลเอ เราก็ทนความยากเย็นอีกแบบของชีวิตที่นั่นไม่ได้ อ่อนแรงจนสุดท้ายต้องร้องขอกลับบ้าน
โอย นี่ยังเขียนด้วยอาการเมาค็อกเทลอยู่เลย บ้าเหรอ ใครจะไปทนไหวดูหนังเสร็จยังไงก็ต้องหาค็อกเทลมากระแทกอารมณ์ให้ได้ จาก New York Sour มาเป็น Bangkok Sour รสขมต้องมีอยู่ใต้ความหวานเสมอสินะ
กำลังสงสัยว่าในอนาคต oftr จะเป็นหนังที่เราจะลืมไหมนะ หนังดูดีมากในทุกมุมเลย ถ่ายภาพเจ๋ง ผู้กำกับคิด shot ก็เยี่ยมมาก นักแสดงนี่คือแสดงกันได้มหัศจรรย์เลยแหละ เล่นดีมากๆๆๆ แต่ความไม่สุดในมุมของเราน่าจะเป็นบท จริงๆ บทเขาก็ดีเลยมาตรฐานหนังไทยทั้งหลายไปมากแล้วนะ แต่พอมันขาดอะไรไปบางอย่างซึ่งคิดเร็วๆ เราว่า มันคือ Plot Development ปัญหามันไม่ได้เรียงจากเบาไปหาหนัก เรื่องมันเลยกระจัดกระจาย เหมือนเอาเรื่องสั้นมาเรียงต่อๆ กัน
เราจะยี้บทพูดของพ่อหน่อยๆ เวลามันโผล่ขึ้นมา ธรรมชาติของคนไม่น่าชอบให้ใครมาสอนป่าวนะ
เราว่าเรื่องที่เราไม่ connect กับเรื่องที่สุดน่าจะเป็นประเด็น Regret นี่แหละ คนเราก่อนตายไม่น่าจะมีเรื่อง Regret หรือคนที่จะต้องขอโทษเฉพาะเรื่องของความรักอ่ะ หรือบวกเรื่องเพื่อนด้วยก็ได้ มันไม่น่าจะมีแค่นี้
ถ้าชีวิตคนเรื่องความรักนี่คือเรื่องสูงสุดในชีวิตแล้ว เราว่ามันเป็นชีวิตที่น่าเศร้ามากเลยสำหรับไอซึ แล้วมันบังเอิญเข้าไปอีกที่ผู้หญิงที่เขาเคยรัก มันเกิดขึ้นที่นิวยอร์คทั้ง 3 คน ราวกับว่าโลกนี้ของเขามันมีแค่นี้เลย ซึ่งเราว่ามันเป็นชีวิตที่น่าเศร้าถ้ามันเป็นเรื่องจริง
ประเด็นนี้แหละที่มันทำให้เราไม่เชื่อหนัง เหมือนเอาตีนเหยียดถีบระยะให้เรายืนดูห่างๆ มากกว่าที่จะ identify กับตัวละครตัวไหน อา ถ้าพูดถึงตัวละคร เราถามง่ายๆ ว่าตัวละครตัวไหนคือ main character ต่อ หรือไอซึ
เรื่องนี้ถ้าเป็นเรา เราคงให้ต่อเป็น main character หรือคนที่มี change มากที่สุด โดยมี ไอซึ เป็น catalyst หรือ wise old man ของต่อ หรือพูดง่ายๆ ว่า ต่อได้เรียนรู้ชีวิตจากการที่ไอซึ ไปตระเวนขอโทษแฟนเก่า จนสุดท้ายต่ออยากจะไปทำอะไรสักอย่าง เช่น ไปขอโทษแฟนเก่า หรือครอบครัวบ้าง
เมื่อวานบอกเน็ตว่า รู้สึกตัดสินใจถูกมากเลยที่ออกมาดูหนัง oftr ในโรงแล้วก็ต่อด้วยการหาร้านค็อกเทลต่อกัน มันโคตรวาเลนไทน์เลย ชอบตอนกลับบ้านที่เมามาก แล้วภาพถนนตรงหน้ากับภาพฉากจากหนังที่เพิ่งดู ตัดสลับกับความทรงจำถึงใครต่อใคร สถานที่เก่าๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากบันทึกเก็บไว้ดู มันหว่องกาไวมากกว่าสิ่งไหน
อ้อ ขอเพิ่มอีกประเด็นเรื่อง Baz ผู้กำกับเราตามอ่านบทสัมภาษณ์และก็ดูหนังของ Baz แล้วรู้สึกประทับใจมาก ชอบตรงที่เขาทบทวนชีวิตแล้วก็เอามันถ่ายทอดออกมาให้เราดู เราว่านี่คือสิ่งที่เจ๋งมากๆๆๆ ที่หนัง oftr ทำกับเรา มันมีความข้างในออกข้างนอก ที่หนังไทยเรื่องอื่นไม่ค่อยเจอ เราเห็น internal conflict ของ Baz ในงานของเขาซึ่งอันนี้แหละที่ทำให้หนังงดงามที่สุด ชีวิตมันสวยงามมาก
อีกความคิดที่วูบขึ้นมาตอนดูหนังคือ เราอาจจะไม่มีความสัมพันธ์ไหนให้ Regret แต่เรามีความฝันไหนที่เรารู้สึก Regret ควรรีบไปทำก่อนตายไหม คำตอบคือมีว่ะ เอาจริง มีความรู้สึกอย่างรุนแรงว่า ฉันจะเริ่มเขียนหนังสือแล้วนะ ข้างในมันมีเรื่องที่อยากจะเล่าให้โลกรู้อีกแน่นๆ เลย อยากทำความฝันให้เป็นจริง อย่างที่ Baz ทำ ขอบคุณ Baz ที่ทำให้เราดูนะว่า ความฝันที่มันสำเร็จเป็นความจริง มันสวยงามอย่างนี้เอง ขอบคุณนะ One for the Road
หนังไทยควรจะเป็นอย่างนี้ได้ตั้งนานแล้ว
ป.ล. เพลงเพราะมากนะ นี่ตามไปฟังต่อไปเลิกเลยเนี่ย