Monster (Japan, 2023)
a.k.a. Kaibutsu
เราทุกคนล้วนมีความลับซึ่งบอกใครไม่ได้ บางครั้งเราจึงเลือกที่จะไม่พูดความจริงออกไปทั้งหมด แม้ว่าในใจจะรู้ดี มันก็คือโกหกนั่นแหละ แล้วจะเป็นยังไงนะ ถ้าใครคนนั้นเป็นเด็ก ป.5 ความเก็บกด คับแค้น เหล่านี้มันจะไปลงที่ไหนได้ นอกจากความพังพินาศ จนทำให้ใครบางคนถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจร้าย
ดูหนังจบแล้วไม่สงสัยเลยว่าใครกันคือ Monster หรือสัตว์ประหลาดในหนังเรื่องนี้ มันคือผมเอง ดูหนังจบแล้วรู้สึกผิดกับสิ่งนี้ได้ทันที อีกแล้วสินะที่ผมเผลอตัดสินไปแล้วว่าใครถูกใครผิด ผมมันช่างโง่เง่าสิ้นดี ความเศร้าในฉากจบของหนังเหมือนฉุดผมดิ่งลงบ่อลึก บ่อแห่งความด้อยคุณค่า บ่อที่ใครๆ ก็ชี้หน้าว่า แกมันคือตัวประหลาด
หนังเรื่องหนึ่งมันทำงานกับความคิดและอารมณ์ ของผมได้เหมือนอ่านวรรณกรรมชั้นดีขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย มันกำลังตะโกนให้ผมมองโลกผ่านมุมมองของคนอื่นบ้าง เรื่องราวหารสามแบ่งกันสามมุมของ แม่ ครูประจำชั้น และเด็กผู้ชาย ป.5 มันกำลังชี้หน้าด่าผมว่า โจ้ แกนั่นแหละคนที่มีสมองเป็นหมู ผมจำความรู้สึกคุ้นเคยอันนี้ได้ดี
หนังเริ่มเล่าจากมุมของแม่ก่อน แม่ที่ต้องทำงานไปด้วย พร้อมกับเลี้ยงลูกชายเก็บกดไปด้วย มันยับเยินผ่านความรกของบ้าน แต่เธอก็เป็นแม่ที่ดีงาม อดทน และโยนความรักแทนพ่อที่เสียไปให้ลูกของเธอเต็มๆ ดังนั้นวันที่เธอบุกไปโรงเรียนเพราะคิดว่าลูกโดนครูทำร้ายร่างกาย และถูกบุลลี่ เรื่องนี้มันก็ชวนให้เราเอาใจช่วยสุดๆ ภาพครูเลวๆ ในทวิตเตอร์ผุดขึ้นมาในหัวรัวๆ
แต่พอหนังเริ่มเล่าเรื่องของครูประจำชั้นหนุ่ม ผู้ซึ่งมุ่งมั่นอยากเป็นครูที่ดี เป็นที่พึ่งของเด็กๆ ได้เสมอ เขาไม่ได้เป็นแค่ครูผู้สอนวิชาการ แต่ยังเป็นครูที่คอยอุ้มฉุดดึงในวันที่พบเด็กคนไหนล้มลง แต่ผลจากการถูกร้องเรียนโดยผู้ปกครองนักเรียน มันไม่ได้ทำลายแค่อาชีพครู แต่มันดับความฝันของชายหนุ่มผู้อยากให้อนาคตของโลกเป็นอนาคตที่ดีไปด้วย ผมรู้สึกเลวร้ายมากที่เคยตัดสินผิดๆ ใส่ครูหรือใส่บางคนเช่นกัน ขอโทษครับครู ขอโทษจริงๆ ในหัวผมคิดแต่ว่า เออเนอะ ไม่ใช่เด็กทุกคนจะเป็นผ้าขาว โจ้ จงระวังซาตานที่มาในคราบของเด็กให้ดี ภาพลักษณ์ใสๆ และรอยยิ้มนั่นมันน่ากลัวจริงๆ
มินาโตะ เด็กป.5 ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ จนเขาต้องเก็บกดมันไว้ลึกสุดใจ และนั่นแหละวิธีที่ทำให้ปีศาจร้ายค่อยๆ ก่อตัวขึ้น จนบางครั้งเขาก็ทำตัวเลวๆ หรือพฤติกรรมแปลกๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่มีทางเข้าใจหรอก การที่ต้องทำเป็นมองไม่เห็น ไปจนถึงช่วยกันบุลลี่เพื่อนรักตัวเอง เพราะไม่อยากให้ใครมองว่าตัวเองอ่อนแอ หรือมีสมองเป็นหมู มันยิ่งซ้ำเติมด้อยค่าที่มีน้อยนิดอยู่แล้วในตัวเขา
“ผมชอบใครคนหนึ่งอยู่ครับ แต่ผมก็บอกใครไม่ได้”
“ครูเข้าใจ เราทุกคนมีเรื่องที่เราพูดไม่ได้ด้วยกันทั้งนั้น”
“ผมโกหกเองครับครู”
“งั้นเราก็เหมือนกันสินะ”
โอย ทำไมการดูหนังเรื่องนี้มันถึงใจสั่นแบบนี้ มันเหมือนมองเห็นตัวเองตอนประถมปลาย เรื่อยมาจนถึงหลายครั้งในชีวิตที่ผมต้องโกหกคนอื่นเพื่ออะไรก็ไม่รู้ หนักที่สุดก็คือการโกหกตัวเอง และนั่นแหละที่มันทำให้ผมก่อสร้างคนชั่วๆ ขึ้นมาในตัวผม น้องโจ้ผู้ร่างเริง เข้าใจไฟแช็คในมือน้องโยริมาก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเผาทุกอย่างให้ราบคาบ เผื่อจะทำให้หายเจ็บแผลได้บ้าง การเป็นคนที่ถูกทิ้งให้อยู่ในบ่อลึกมืดดำ มันน่ากลัวมาก ไม่มีใครรู้หรอกว่าภายใต้รอยยิ้มใสๆ ของผมมันเลวร้ายขนาดไหน
หนังของ ฮิโรคาเสะ โครีเอดะ ชอบดึงเอาปัญหาใหญ่เท่าช้าง แต่กลับซ่อนตัวเนียนๆ ในมุมหลืบสังคมออกมาให้เราได้เห็นกันจะๆ ดูหนังของเขาทีไรก็จะประนามตัวเองเสมอว่า โจ้ ถ้ามึงยังทำตัวมีสมองเป็นหมู ตาบอดเมินเฉยกับเรื่องเหล่านี้ ระวังว่าตอนจบมึงจะเสียใจหนักเหมือนที่เสียใจกับฉากจบที่กำลังด่าว่ามึงนั่นแหละ อีมอนสเตอร์ จากหนังที่เพิ่งดูไปเรื่องนี้
ป.ล. ผมรู้ดีครับว่า “สมองหมู” เป็นแสลงในภาษาญี่ปุ่นเขาเอาไว้เรียกอะไร จุกๆ