Land (US,2021)
“ฉันมาทำอะไรที่นี่?”
“ที่นี่กับฉันน่ะเหรอพี่?”
“ไม่เอ็มมา ทำไมฉันยังอยู่ที่นี่?”
แม่งเอ๊ย หนังหรือหนังสือทำกับเราแบบนี้ทุกทีเลย ในวันที่เรามีปัญหาไม่รู้จะหันหน้าหันหลังไปถามใคร อยู่ๆ มีหนังที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แค่เห็นหน้าปกก็รู้สึกตื่นเต้นว่าต้องดูให้ได้ ต้องดูนะโจ้ เปิดเลยสิ เสียงกระซิบแบบนี้ แล้วพอเปิดดู มันก็มีทั้งคำตอบ และโอบกอดอันอบอุ่นอยู่ที่นี่เสมอเลย บ้าชิบ
โรบิน ไรท์ เอาอยู่มาก กำกับเองเล่นเองแทบจะคนเดียวทั้งเรื่อง เรื่องของ อีดี้ ผู้หญิงที่ตลอดเรื่องเราได้แค่เดาว่าเธอน่าจะเสียสามีกับลูกชายไปในอุบัติเหตุอะไรสักอย่าง มันทำให้เธอเจ็บปวดมากๆ และเธอก็พูดถึงความรู้สึกนี้กับใครไม่ได้เลย ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดซึ่งลึกที่สุดแบบนี้หรอก
อีดี้เลยไปซื้อเคบิน กระท่อมเล็กๆ อยู่ในป่าคนเดียว วันแรกๆ ของสาวเมืองก็หนักหนาอยู่ ต้องผ่าฟืน ต้องนอนหนาวในวันพายุหิมะหนัก ชีวิตแม่งโคตรยาก จะตายก็เหมือนยังทำไม่ได้เลย
จนกระทั่งวันที่คิดว่าไม่รอดแน่แล้ว ใครบางคนเคาะประตูบ้าน เขาเป็นแค่คนผ่านทาง เขาช่วยชีวิตเธอไว้ และไปๆ มาๆ ที่กระท่อมนี้ เขาไม่ถามถึงอดีตของเธอ สอนเธอปลูกต้นไม้ล่าสัตว์ และเขายังร้องเพลงยุค 80s ระหว่างเดินป่าด้วย เออ แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่หนังโรแมนซ์ประเภทนางเอกหนีโลกเข้าป่าแล้วได้ผู้ชายไรอย่างนั้นเลยนะ มันงดงามกว่านั้นมากเลย
มันคือหนังที่ค่อยๆ ช่วยอีดี้ และเราคนดู ที่ต้อง suffer เจ็บปวด หลงทางกับชีวิตอันแสนหนักหนาให้ค่อยๆ กลับมา connect เชื่อมโยงกับโลกได้อีกครั้ง ดูเผินๆ มันอาจจะเป็นเพราะธรรมชาติ แต่ดูให้ลึกลงไปเราว่าหนังกำลังพยายามจะบอกเราว่า ในวันที่เรารู้สึกว่าชีวิตมันหนักหนา เดียวดาย และหลงทางอยู่ในความมืดมิดที่สุด เจ้าชีวิตนั่นแหละที่จะเอื้อมมือมาช่วยเรา เราไม่เคยอยู่ลำพังจริงๆ บนโลกใบนี้ ความรักยังอยู่กับเราเสมอ
ชอบฉากท้ายๆ มากๆๆๆ ฉากที่อีดี้ ผู้ซึ่งตั้งปณิธานว่าจะตัดขาดจากโลกแน่ๆๆๆ แต่ก็จำใจต้องลงจากเขาเพื่อมาตามหาเพื่อนผู้ที่เคยช่วยชีวิตเธอ เพราะรอบนี้เขาหายไปนานเกิน จนได้พบว่าเขาเป็นมะเร็งกำลังจะตาย
“มิเกล ขอบคุณนะ”
“ไม่ๆ ผมสิต้องขอบคุณคุณ”
“ขอบคุณฉัน เนี่ยนะ”
“ใช่ ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้”
มิเกล คือชายหนุ่มที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออีดี้ ในวันที่เธอคิดว่านั่นคือวันตายกลางป่าคนเดียวของเธอแน่แล้ว เขาช่วยแล้วก็ช่วยแล้วก็ช่วย “คุณมาช่วยฉันทำไมนะ” “ก็เพราะคุณอยู่บนเส้นทางของผม” บนเส้นทางชีวิตมักเป็นเช่นนี้ มีคนที่ช่วยเรา และมีคนที่เราช่วยไว้
และสิ่งที่มิเกลได้รับจากอีดี้ ก็คือเขาได้รับคำตอบของคำถามคลาสสิค ฉันยังมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร? ทำไมฉันต้องทนกับความทุกข์แสนสาหัสนี้ด้วย ทำไมคนที่ฉันรักถึงตายหรือสูญหายไป ทิ้งฉันไว้เพียงคนเดียวบนโลกกว้างใหญ่นี้ด้วย? ทำไม ทำไม ทำไม?
ถ้าชีวิตคือการเดินทาง มันจะเป็นการเดินทางที่ยากมากๆ ด้วย ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เราจะเจอความผุพัง และเราจะเจอการเยียวยา และเราจะเจอคำสัญญาที่ชีวิตจะมอบให้กับเรา ไม่ว่าเรากับชีวิตเคยทำสัญญาอะไรกันไว้ก็ตาม
Wisdom is life lesson through suffering
นี่คือประโยคที่ผมท่องวนไปวนมาตลอดอาทิตย์ วันนี้ได้เห็นมันคาตาเฉย
รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณหนังอีกแล้ว