Finding Joe (US,2011)

Joe Readery
1 min readJan 13, 2021

--

เอ๊า นี่เป็นประสบการณ์ที่แปลกมากเลย ดูนู่นนี่นั่นใน Youtube อยู่ดีๆ มันก็มีคลิปแนะนำชื่อ Finding Joe ผมก็อ่ะกดเข้าไปดูซะหน่อยเพราะชื่อมันเหมือนกับผม ค้นหาโจ้ให้พบโจ้ อะไรประมาณเนี้ย แล้วพอดูจบผมก็พบตัวตนที่แท้จริงของโจ้อยู่ในหนังเรื่องนี้เพียบเลย

Finding Joe ในที่นี้คือหนังสารคดีแนะนำ Joseph Campbell คุณครูใหญ่ของผมในการสอนวิชา Storytelling เขาคือคนที่ค้นพบเส้นทางชีวิตของเรื่องเล่าที่เรียกว่า Hero’s Journey ซึ่งผมเคยเรียนรู้สิ่งนี้มานานมาก จนทุกวันนี้ผมมีคลาสสอนวิชานี้ด้วยซ้ำ แต่วันนี้สารคดีเรื่องนี้กลับพาผมลงลึกและเข้าใจสิ่งนี้อย่างที่ผมไม่เคยเข้าใจมาก่อนเฉย

เกริ่นเบาๆ Hero’s Journey คือ Pattern ของพระเอกหรือนางเอกทุกคนในนิทาน ตำนานหรือเรื่องเล่าจากทั่วโลกที่มีอะไรบางอย่างเหมือนๆ กันซึ่ง Joseph Campbell สังเกตเห็น และต่อมาคนทำหนัง คนเขียนนิยายทั้งหลายก็โอบรับทฤษฎีการเล่าเรื่องนี้ไปใช้กันถ้วนหน้า

หลักๆ มันคือ 3 Part ใหญ่ที่ต้องมีอยู่ในเรื่องเล่าคือ

1 Depart การออกไปจาก Comfort Zone หรือชีวิตปกติอันสะดวกสบาย

2 Initiation การผจญภัยใหม่ๆ ในโลกใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย

3 Return การกลับสู่โลกเก่า ด้วยดาบวิเศษหรือสายตามองโลกแบบใหม่ ชีวิตใหม่ และเรื่องเล่าสุดมหัศจรรย์

แต่วันนี้หนังสารคดีไม่ได้เน้นไปที่การอธิบายเสต็ปต่างๆ แต่โฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ของเรื่องเล่าที่มีกับมนุษย์เราอย่างไรบ้าง เช่น รู้ไหมสัญลักษณ์ต่างๆ ที่อยู่ในเรื่องเล่า ขุมทรัพย์ มังกรไฟ แม่มดใจร้าย ดาบวิเศษ เหล่านี้มันมีขึ้นมาเพื่อให้เราปิ๊ง Aha! เข้าใจชีวิตของตัวเองมากขึ้นไง

“ผมไม่เชื่อว่าคนเราจะสนใจการค้นหาแค่ความหมายของชีวิต

มากไปกว่าการได้มีประสบการณ์ตรงของการมีชีวิตที่เต็มที่จริงๆ”

หนังเรื่องนี้มันทำให้ผมเข้าใจขึ้นมากๆๆๆ เลยว่าทำไมมนุษย์ผู้เล่าเรื่องตั้งแต่สมัยโบราณมาถึงมีการเล่าเรื่องแบบ Hero’s Journey กันหมด และเราทั้งหลายผู้หลงใหลในเรื่องเล่าเนี่ย เราดูหนังไปทำไม เราอ่านหนังสือไปทำไม ก็เพราะเรื่องเล่าทุกเรื่องมันทำให้เราเข้าใจชีวิตของตัวเราเองยังไงล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้าใจว่าเราจะจัดการกับความกลัว และปัญหาที่เผชิญอยู่ยังไง

สำหรับผมเรื่องเล่าต่างๆ มันเหมือน Wisdom ที่มนุษย์ตั้งแต่คนแรกสะสมกันต่อๆ กันมา เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ค้นพบเส้นทางไปสู่ขุมทรัพย์ที่รอเราอยู่ ลึกลงไปภายในตัวของเราทุกคน ทุกๆ การผจญภัยในนิยายมันคือการผจญภัยเข้าไปภายในใจอันดำมืดของเราให้มันมีแสงสว่าง จนเราสามารถเห็นทองคำที่ซ่อนอยู่ในนั้น

ชีวิตคืออะไรน่ะเหรอ มันก็คือผลผลิตจากกระทำแต่ละอันของเราไง ก็เหมือนกับ แฮร์รี่ นีโอ โดโรธี ลุค สกายวอล์คเกอร์ เขาเหล่านั้นทุกคนต้องเป็นคนตัดสินใจเลือกที่จะออกไปผจญภัยด้วยตัวเองทั้งนั้น ถึงแม้ว่าในโลกที่เราอยู่จะมีคำแนะนำ หรือเสียงคนอื่นบอกให้เราทำควรจะเลือกอย่างโน้นอย่างนี้ แต่สุดท้ายจะเลือกยาเม็ดสีแดงหรือสีฟ้าเราคือผู้ตัดสินใจเอง

แต่ในตอนเริ่มต้นเราทุกคนไม่อยากรับสายจากชีวิตที่เรียกร้องให้เราออกไปผจญภัยทั้งนั้น จะบ้าเหรออยู่ดีๆ อยู่แล้วจะต้องออกไปทำไม แต่ Call to Adventure มันเหมือนเสียงโทรศัพท์ที่มันไม่เคยหยุดร้องจนกว่าเราจะรับนั่นแหละ แล้วบอกเลยว่า ถ้าเราไม่คอยสังเกตดีๆ สายเรียกเข้านี้มันจะหนักหนาขึ้นเรื่อยๆ ในภาษาจีนคำว่า ผจญภัย มันประกอบขึ้นมาจาก 2 คำหนึ่งคือคำว่าอันตราย และสองคือคำว่าโอกาส วุ้ยคนโบราณนี่มันจะฉลาดไปไหนเนี่ย

“เราต้องเรียนรู้ที่จะละทิ้งแผนการณ์ชีวิตที่เราวางเอาไว้

เพื่อที่เราจะได้ชีวิตจริงๆ ที่รอคอยเราอยู่”

โอ๊ย และยังมี Wisdom ดีๆ อีกเยอะแยะมากมายอยู่ในหนังสารคดีเรื่องนี้ ที่ผมกำลังรู้สึกเหมือนเป็น อลิซที่ Follow the Rabbit ลงไปในดินแดนมหัศจรรย์ แต่สุดท้ายสิ่งที่โดนผมมากที่สุดคงเป็นเรื่องนี้ Follow the Bliss ครับ

ในการที่เราจะเป็นตัวเราให้มากที่สุดได้ สิ่งที่เราต้องทำคือวิ่งตามสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข ความสุขในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงความสนุกสนานฉาบฉวยแบบงานปาร์ตี้ไรแบบนั้น แต่มันคือความสันติสุขในสิ่งที่เราได้ทำ ความสงบในจิตใจแบบที่มีแต่เราเข้าใจคนเดียว ไม่ว่ายังไงจง Follow the Bliss นั้นนะครับ แม้ว่าบางครั้งมันจะต้องไปถึงจุดที่เรากลัวที่สุดก็ตาม แต่จงไว้ใจเถอะว่า ชีวิตรอเราอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ

ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้ผมเจอขุมทรัพย์ของผมวันนี้ครับ

#Youtube

--

--

Joe Readery
Joe Readery

No responses yet