Finding Forrester (US,2000)

Joe Readery
2 min readApr 20, 2022

--

The first key to writing is to write. Not to think.

อย่าคิด

ไม่ต้องบอกเราตอนนี้ก็ได้นะว่า อย่าคิด วินาทีนี้สมองทำงานไม่ได้หรอก ถ้าหัวใจมันล้นแน่นอยู่ในอก น้ำตามันปริ่มเพราะล้นท้นออกมาจากข้างใน มันคือความรัก ความรักที่อยู่กับเราเสมอ ตั้งแต่วันนั้น จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าเราจะพบเจอเรื่องดีร้ายอย่างไร ความรักนี้ไม่เคยห่างจากเราไปเลย

และความรักที่พูดถึงอยู่นี่คือความรักในการเขียน

Writing is my life จริงๆ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ผมเคยตกหลุมรักหนังที่ไม่ค่อยสนุกเรื่องหนึ่ง จำได้ว่าสมองคิดว่า เออ เรื่องนี้ไม่สนุก แต่ทำไมตอนดูจบ หัวใจมันถึงเต็มอิ่มได้ขนาดนี้ ทำไมมันรู้สึกเหมือนตกหลุมรักใครคนหนึ่งเลย

Somewhere over the rainbow มันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงต้องรักเขาขนาดนี้ มันไม่ลืมอะไรเลยเหรอ เมื่อกลับมาดูเขาอีกครั้ง The Soup Question มันเป็นมากกว่าไดอะล็อกในหนังเรื่องหนึ่ง แต่เราต้อนรับมันเป็นปรัชญาชีวิตของเรามา 22 ปีแล้ว ตั้งแต่ได้ดูจากหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ในหนังที่ไม่สนุกเท่าไหร่ แต่มีฉากนี้ทำไม

You should stay with the soup question

เราทุกคนไม่ควรไปยุ่งกับธุระของคนอื่น เอาแค่ถามคำถามที่เกี่ยวกับตัวเราก็เพียงพอแล้ว

เรื่องนี้ จามัล เด็กหนุ่มผิวดำอายุแค่ 16 ผู้ที่รักในการเขียนหนังสือแบบไม่รู้ตัว เขาเขียนเพียงเพื่อบำบัดตัวเองจากเรื่องห่วยแตกในชีวิตทั้งหลาย จามัล ไม่เคยฝันที่จะเป็นนักเขียนออกหนังสือไรแบบนั้น ยากจนต่ำต้อยอยู่สลัมซะขนาดนั้น แต่เขาเขียน เพราะเขาต้องเขียนเพื่อรักษาหัวใจ เขียนเพื่อปกป้องเขาจากอันตรายทั้งต่อร่างกายและจิตวิญญาณของเขา และนั่นมันเลยทำให้งานเขียนของ จามัล บริสุทธิ์มากๆ เราทุกคนก็ควรเขียนเพราะเหตุผลนี้ด้วยกันทั้งนั้น Write for writing sake

จามัล บังเอิญมาเจอ วิลเลียม ฟอร์เรสเตอร์ นักเขียนใหญ่ คนที่ออกหนังสือเล่มเดียวแล้วก็เลิกออกหนังสืออีกเลย แต่มันยังเป็นหนังสือที่ดังมากๆ มาตลอด 50 ปี ลุงนักเขียนนี่ก็เหมือนคนบ้าๆ หน่อย 555 และ ณ จุดนี้ มาดูอีกที อีลุงนี่เหมือนเราแทบทุกอย่างเลยอ่ะ

ลุง ไม่ชอบการออกจากบ้านมากๆ เกลียดแสงเวลากลางวัน ไม่ชอบไปเจอคน ของใช้ก็ให้คนซื้อมาให้ ในบ้านที่เป็นอพาร์ตเมนต์ชั้นบนสุด ในบ้านเต็มไปด้วยหนังสือ และหนังสือ และหนังสือ ทุกผนัง บนโต๊ะ ใต้โต๊ะ มีอยู่ทุกที่ และมันเป็นระเบียบเรียบร้อย ลุงเกลียดคนพับหนังสือแบบ Dog Ear ลุงเกลียดถ้าใครทำหนังสือบนชั้นเรียงไม่ตรงแถว ลุงดูทีวีพร้อมกันทีละ 5–6 จอ กินอาหารจากกล่องง่ายๆ และที่สำคัญลุงยังเขียน เขียน เขียน ไม่ว่ามันอาจจะไม่มีทางกลายเป็นหนังสือเลยก็ตาม ลุงเขียนเพื่อตัวเอง

You write your first draft with your heart.

You rewrite with your head.

เวลาเราเขียน First Draft เราเขียนด้วยหัวใจ แล้วตอนเราแก้ไข Rewrite เราค่อยเขียนด้วยสมอง…นี่มันไม่ใช่ประโยคที่เราพูดกับนักเรียนซ้ำไปซ้ำมาตลอดหลายปีที่สอนการเขียนหรอกเหรอ 555 เชรี้ย เพิ่งรู้ตัวว่า ไปขโมยเขามาจากเรื่องนี้ มันคง Install ไว้ใน DNA ของผมตอนดูหนังที่ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่เรื่องนี้เมื่อ 22 ปีที่แล้ว เราไม่มีทางรู้เลยว่า ประโยคแนะนำง่ายๆ แบบนี้จะมีผลถึงขั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้ขนาดนี้

Don’t think, Jamal

อย่าคิด โจ้ อย่าคิด Just write

ถ้านายไม่รู้ว่าจะเริ่มเขียนตรงไหน ให้หยิบหนังสือสักเล่มขึ้นมาแล้วพิมพ์ๆๆๆ เขียนๆๆๆ ลอกประโยคในหนังสือไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง เมื่อหัวใจของนายถูกจุดติดไฟแล้ว ตัวหนังสือที่อยู่ข้างในใจจะพรั่งพรูออกมาแบบที่นายจะเซอร์ไพรส์สุดๆ ไปเลยแหละ นี่คือเสียงกระซิบเบาๆ ตอนที่ผมดูหนังเรื่องนี้เมื่อ 22 ปีที่แล้ว แต่วันนี้กลับมาดูอีกที มันกลายเป็นเสียงตะโกนไปแล้ว วันนั้นผมได้ยินเสียงกระซิบ วันนี้ผมเป็นคนตะโกนบอกคนอื่นต่อแล้ว อย่าคิด อย่าคิด เวลาเขียนอย่าคิด มันเหมือนง่าย แต่มันต้องใช้เวลาฝึกนะ จงเขียน นายเขียนได้แน่ๆ หัวใจของนายก็กำลังบอกนายอย่างนั้น นายเขียนได้ นายก็รู้ นายแค่กลัว

You should stay with the soup question

The object of a question is to obtain the information that mattes only to us, and no one else

จงถามคำถาม ที่คำตอบมันสำหรับตัวนายเท่านั้น

อย่าถามคำถาม ที่เป็นเรื่องของคนอื่น

วันนี้ดูหนังอีกรอบแล้วรู้สึกเหมือนมั่นคงและอบอุ่นอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยหนังสือ อยากบอกทุกคนว่า ถ้านายเขียนนะ นายไม่ต้องอยากเป็นนักเขียนที่ออกหนังสือก็ได้ แค่เขียน เขียนเหมือนคุยกับตัวเอง คิดในกระดาษ สุขในกระดาษ ทุกข์ในกระดาษ อ่านหนังสือให้เหมือนคุยกับคนเขียน แล้วชีวิตนายจะมั่นคงแม้ว่าจะเจอเรื่องร้ายแค่ไหน แต่นายจะไม่มีทางล้มจนลุกไม่ขึ้น นายจะรู้ได้ว่า การเขียนคือบ้านของนาย

ดูหนังวันนี้รู้สึกเหมือนไปอยู่เมืองนอกมา 20 กว่าปี แล้ววันนี้ได้กลับบ้าน บ้านเรามันอาจจะเหมือนหนังที่ไม่สนุกก็ได้ Who cares เพราะมันคือบ้านที่เรารู้สึกปลอดภัย

Finding Joe Forrester!

ขอบคุณเสียงกระซิบนะที่บอกให้ดูอยู่นั่น

--

--

Joe Readery
Joe Readery

No responses yet