Dune: Part Two (US, 2024)
ลีซาน อัล-ไกอีบ (น.) แปลว่า เสียงกระซิบไร้ตัวตน
ผมว่าการจะดู Dune ให้สนุกคือมันต้องทำใจเหมือนเพิ่งไปลงเรียนวิชาภาษาใหม่ๆ ในที่นี้คือ ภาษาดูน เดี๋ยวผมลองเล่าเรื่องย่อให้ฟัง
จากภาคที่แล้วบนดาวอาร์ราคิส เด็กหนุ่ม พอล จากตระกูลสูงศักดิ์อะเทรดีส ถูกตระกูลฮาร์คอนเนนพังถล่มครอบครัวของเขายับ เหลือเขากับแม่ เลดี้ เจสสิกา ซึ่งเป็นอดีตนักบวชหญิงกลุ่มเบเนเจสเซริต หนีตายไปในทะเลทราย จนได้รับการช่วยเหลือจากชนเผ่าเฟรแมน
ภาคนี้หลักๆ คือครึ่งหลังของหนังสือ Dune ภาคหนึ่ง พอล กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าเฟรแมน เขาถูกตั้งชื่อให้ใหม่ว่า มอดดีบ อูซุล และจากคนนอกเผ่าอย่างเขา กำลังถูกคนในชนเผ่าคลั่งศาสนาเชื่อว่า เขาคือพระผู้ไถ่จากคัมภีร์โบราณในนาม ลีซาน อัล-ไกอีบ แต่พวกเด็กขบถหัวใหม่ในชนเผ่านก็ยี้กับความคิดนี้ ขณะที่แม่ของเขา เลดี้ เจสสิกา ก็ค่อยๆ กลายเป็นพระมารดาแม่ใหญ่ผู้ศักดิ์สิทธิ์
มอดดีบ (น.) แปลว่า ปราชญ์, ผู้รู้
อูซุล (น.) แปลว่า ยืนหยัดหลักการ
นอกจากนั้น พอลยังถูกแม่ชีกลุ่มเบเนเจสเซริต เชื่อว่าเป็น ควิซาตซ์ ฮาเดอราค พระเมซิยาห์ชายคนแรกในคำพยากรณ์โบราณอีกด้วย และทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางชีวิตของมอดดีบ สู่สงครามจีฮัด 12 ปีอันดุเดือดในหนังสือเล่มต่อๆ ไป
เนี่ยเห็นป่ะ ภาษาดูนแค่เฉพาะเนื้อเรื่อง ถ้าใครรักดูนก็ฟินแล้วฟินอีก กับบางคนอาจเกาหัวยิก สำหรับผมมันสนุกมากๆๆๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างจากหนังมากระตุกจินตนาการ ทุกสิ่งในหนังดูนเพอร์เฟคไปหมด ถ้าสำหรับคนเผ่าเฟรแมน เชื่อมั่นในวิชชั่น สายตาผู้มองเห็นความตาย ในตัวลีซาน อัล-ไกอีบของเขา ผมก็บูชาวิชชั่นของ เดอนี วิลเนิฟ แม่ทัพผู้กำกับหนัง Dune ใหม่นี่มากๆๆ มันเป็นหนังรวมคนบ้าคลั่งงานดีไซน์ทุกแขนงมาหยุมหัวรวมกัน เพื่อก้มกราบบูชาศาสดา แฟรง เฮอร์เบิร์ต ผู้ก่อกำเนิดจักรวาลดูน ทั้งงานภาพ เสียง และจิตวิญญาณ
“มีแต่ความตายเท่านั้น ที่จะทำให้ตาของท่านมองเห็น”
อยากขีดเส้นใต้ไว้หน่อยว่า ศาสดาวิลเนิฟของผมท่านใช้วิชาพรานา บินดู หรือเสียงสะกดจิต กับอัจฉริยะเมนแทต คายหลักธัมมะไว้ให้เหล่าข้าราชบริพารเป็นไม้ค้ำงานดีไซน์สุดล้ำทุกหมวดหมู่การทำหนังเรื่องนี้เอาไว้ว่า ให้ยึดหลักการทำงานโดยการดูจังหวะของธรรมชาติ Rhythm of Nature ท่านวิลเนิฟท่านพบสิ่งนี้เมื่อตอนไปนั่งมองทะเลทราย และสัมผัสอ้อมกอดของเสียงลม แสงแดด และผืนทราย สาวกอย่างผมก็ตั้งใจไว้ว่าจะลองน้อมนำคำสั่งสอนไปใช้ในงานตัวเองดูบ้าง
และเกรงว่าถ้าต้องชื่นชมแยกย่อยงานไฮอาร์ตทีละหมวดในหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่นิยาย บท ทีมพรีโพร ทีมออกกอง และทีมโพสต์ อาจต้องใช้เวลากึ่งศตวรรษ เลยว่าจะจบไปดื้อๆ เพราะจะรีบไปอ่านมหาศึกแห่งดูน 2 พระประสงค์แห่งทราย ให้จบในราตรีเดียว
“ระหว่างพระเจ้าและมนุษย์นั้นปราศจากเขตคั่น
ต่างผสมผสานเข้าหากันอย่างละมุน”
- สุภาษิตแห่งมอดดีบ
ป.ล.จะไม่เขียนถึงน้องทิ ไว้สักหน่อยเหรอ มรึงไม่ได้ละสายตาไปจากเขาเลยเกือบสามชั่วโมงเนี่ย