Down in Paris (France, 2021)
หนังพูดกับผมชัดเจนมากเลยว่า “โจ้ บางครั้งนายต้องออกไป แล้วมองกลับเข้ามา เพื่อที่จะได้เข้าใจว่า นายกำลัง (ทำห่า) อะไรอยู่วะ”
หนังสไตล์ Magical Realism เรื่องของริชาร์ด ซึ่งกำลังกำกับหนังเรื่องที่ 5 ของเขา ออกกองอยู่ดีๆ ก็เกิดอาการสติแตก สับสนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คราวนี้มันอาจจะไม่ใช่แค่การไม่เข้าใจหนังที่ทำน่ะสิ แต่เป็นชีวิตของเขาต่างหากที่กำลังหลงทาง
“ช่วงนี้ธุรกิจเป็นไง” ริชาร์ดถามหญิงขายบริการตอนยืนสูบบุหรี่กันในตรอกแคบ
“เดี๋ยวนี้คนน้อยลง แต่อ่อนโยนขึ้นนะ นายล่ะชอบเดินเล่นตอนกลางคืนเหรอ”
โอย ในฐานะที่เป็นคนชอบโลกกลางคืนมากถึงมากที่สุด มันเลยตกหลุมรักหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยากเลย ฉากกลางคืน เมืองปารีส ตัวละครแปลกๆ เดินๆ พูดๆ มันคือ Before Sunrise ภาคเกย์สติแตก midlife crisis อ่ะ ถึงแม้หนังไม่มีผู้ชายน่ารักอย่างอีธาน ฮอว์ก ก็จริงแต่…
แต่หนังมีคุณป้านักท่องเที่ยวสายเดี่ยว คุณยายไพ่ยิปซี แฟนเก่าที่เพิ่งเลิกไปไม่กี่เดือน คนขับอูเบอร์ ชายชราไร้บ้าน แม่ชีร่าเริง ซาตานในคราบหนุ่มสักลาย เด็กน้อยช่างฝัน คู่รักส่องเซ็กส์รสชาติใหม่ในซาวน่าเกย์…และแน่นอน หนุ่มผิวสีคนนั้นที่ขับรถชนจนมึน หรือว่าเขากำลังมึนใส่ความรักครั้งใหม่กันแน่
“นายเป็นศิลปินหรือเปล่า”
“เป็นสิ”
“นายก็กล้าพูดนะว่านายเป็นศิลปิน เพราะศิลปะต้องเชื่อมโยงผู้คนกับสิ่งศักสิทธิ์เท่านั้น นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายกำลังเชื่ออะไร”
ชอบบทสนทนาของคนแปลกหน้าสองคนนี้ในโบสถ์ของปารีส ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงมาก พระเจ้าไม่มีวันหลับหรอกนะ แม่ชีสาวร่าเริงชวนริชาร์ดแวะเข้าไปด้านในโบสถ์
“เราจะเริ่มต้นถ่ายกันใหม่แบบนี้นะ มันจะเหมือนหนังของอันโตนิโอนีหน่อยๆ
ภาพเริ่มจากเงาสะท้อนแสงไฟค่ำคืนบนผิวน้ำ ภาพแพนขึ้นไปที่ห้องชั้นบนตึกซึ่งเปิดไฟสว่าง แล้วก็ดอลลี่เข้าไปเจอเธอยืนคุยโทรศัพท์เล่าให้ใครสักคนฟังว่า เธอเพิ่งกลับมาจากสุสานริมทะเล และมันสวยมากๆ เลย”
เหมือนชีวิต ถ้ามองจากฝั่งของคนที่ตายแล้ว มันสวยงามเสมอ
ริชาร์ดสาธยายยืดยาวให้ผู้ช่วยผู้กำกับของเขาฟังในตอนเช้า หลังจากที่เขาเดินเปะปะไปทั่วปารีสยามค่ำคืน มันอาจจะเป็นหนังที่เริ่มต้นด้วยความหลงหาย หายไปเยอะเลยนะพวกเรา บางครั้งเราก็ทำความฝันหล่นหาย เผลอทำชีวิตบาดเจ็บ พลาดโมเมนต์ที่จะเอ่ยคำขอโทษ กราดเกรี้ยวใส่ทูตสวรรค์ผู้ซึ่งกำลังเสนออ้อมกอดอุ่น
ในช่วงเวลาซึ่งเรากำลังสับสน บางครั้งเราก็ต้องออกไป หลงทางนิดหน่อย แล้วมองกลับเข้ามา เพื่อที่จะได้เข้าใจว่า เรากำลังใช้ชีวิตแบบไหนอยู่กันแน่
และแม้ว่าช่วงเวลาที่เราออกเดินทางตามลำพัง มันอาจจะเริ่มต้นด้วยการหลงทางก็จริง แต่หนังก็ย้ำเตือนผมอีกครั้งว่า “โจ้ อย่าละเลยที่จะใส่ใจคนแปลกหน้าระหว่างทาง เพราะเขาคือทูตสวรรค์ที่พระเจ้าส่งมาเพื่อนายเสมอ”