Cuba and the Cameraman (US,2017)
อืม เรื่องนี้เกือบดูไม่จบ แต่พอดูจนจบก็รู้สึกดีกับหนังมากๆ เลยครับ
หนังสารคดีถ่ายทอดประเทศคิวบาผ่านสายตาของนักข่าวอเมริกันชื่อ จอน อัลเพิร์ต ในช่วงเวลา 45 ปี โห 45 ปีนี่มันนานมากๆ เลยนะ
หนังทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของคิวบาในเวลา 45 ปี (1971–2016) ตั้งแต่ผู้นำเผด็จการ ฟิเดล คาสโตร อายุ 50 จนกระทั่งเสียชีวิตในวัน 90 กว่า
หนังมันสนุกตรงที่ นักข่าวคนนี้เขาไปถ่ายทำตั้งแต่เขายังอายุ 20 ต้นๆ ไปรู้จักคุณปู่ชาวไร่ 3 คน ซึ่งตอนนั้นยังเป็นประมาณคุณลุง ไปเจอเด็กๆ ในเมือง และก็ได้สัมภาษณ์ ฟิเดล คาสโตร ตัวเป็นๆ ด้วย ตอนนั้นเขาเป็นคนอเมริกันคนเดียวที่ฟิเดลให้นั่งเครื่องบินจากคิวบาไปนิวยอร์คด้วยกัน
“ฟิเดลๆ คุณกลัวตายไหมเมื่อรู้ว่าไปอเมริกาคราวนี้ อาจมีคนลอบฆ่าคุณ” นักข่าวถามซะแรงเชียว
ฟิเดลอึ้งไปแป้ป ก็ตอบว่า “ผมไม่กลัวหรอก เพราะสักวันหนึ่งผมก็ต้องตายอยู่ดี ผมแค่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เท่านั้น”
“ได้ข่าวว่าคุณใส่เสื้อกันกระสุนอยู่ตลอดเวลาเลยใช่ไหม” นักข่าวยังไม่เลิก
ฟิเดล คาสโตรยิ้มน่ารัก ค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อจนเห็นหน้าอกว่างเปล่า “นี่ไง เสื้อกันกระสุนของผม มันคือเสื้อแห่งคุณธรรม ผมใส่เสื้อตัวนี้อยู่ตลอดเลย และผมก็รอดปลอดภัยมาทุกครั้ง”
การได้เห็นประเทศๆ หนึ่งที่เคยเจริญรุ่งเรืองมากๆ มีความฝัน มีความหวัง แต่แล้วกลับค่อยๆ เสื่อมโทรมลง อดอยากอาหาร คนต้องขโมยของเพื่อนบ้าน ไม่มีน้ำ ไม่มีใครดูแลอะไรทั้งนั้น มันเศร้านะ นักข่าวหนุ่มจะแวะไปถ่ายทำที่คิวบาประมาณทุกๆ 5 ปี โห แต่ละครั้งมันไม่มีอะไรใหม่เลย มีแต่ความตกต่ำ ผู้คนยากจนลงมากๆๆ ตึกที่เคยสวยงามค่อยๆ พังลง
หนังทำให้เราเห็นชัดเจนเลยว่า ความอดอยาก ความยากจน มันทำให้ผู้คนเป็นทุกข์ขนาดไหน ร่อยรองความเครียด ความลำบาก มันอยู่บนใบหน้า มันฉายอยู่ในแววตา อยู่ในรอยยิ้มแห้งๆ มันเห็นได้ชัดมากๆ เลย
ชอบความผูกพันของตากล้องคนนี้กับผู้คนมากๆ เริ่มจากการผูกมิตรธรรมดา จนกลายเป็นเพื่อนกัน ต่างฝ่ายต่างเห็นการเติบโตในช่วงเวลาครึ่งศตวรรษ นักข่าวเองจากเด็กหนุ่มผู้มีความฝันก็กลายเป็นตาแก่ เด็กๆ ในตอนเริ่มเรื่องก็มีครอบครัวผ่านอุปสรรคนานับประการ หลายคนก็เสียชีวิตไปตามเวลาของเขา
หนังทำให้เราเห็นชีวิตชัดเลยว่า สักวันหนึ่งเราเองก็จะต้องตายจากไปเหมือนกัน การมีชีวิตอยู่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ต่างหากถึงจะเป็นสิ่งสวยงาม ชีวิตมันมีขาขึ้นมีขาลงและก็มีขาขึ้นอีก วนไปแบบนี้ ทุกคนมีเสียงหัวเราะ มีน้ำตาแห่งความเจ็บปวด มีความฝัน และมีฝันที่แตกสลาย
แต่ไม่ว่าบ้านเมืองจะปรักหักพังแค่ไหน ชีวิตยังคงเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ