Anatomy of a Scandal (UK,2022)
นี่คือมินิซีรีส์ 6 ตอนที่ถ้าใครได้เริ่มดูทำใจไว้ได้เลยว่า 6 ชั่วโมงรวด มันหยุดไม่ได้หรอกนะ หนัง Mystery Drama ที่เราอยากรู้ใจแทบขาดว่าตกลงว่าใครผิดจริงๆ กันแน่วะ ไม่แพ้อีเมียของเรื่อง เมียคือตัวเอก Protagonist ของเรื่องนะ บอกไว้ก่อนได้เลย เซียน่า มิลเลอร์นี่เล่นดีมาก
และมีอะไรดีมากอีกหลายอย่าง แต่เรื่องนี้เอาจริงขอชมผู้กำกับก่อน S.J. Clarkson เป็นใครก็ไม่รู้จำไม่ได้แต่นางเก่งเหลือเฟือ ถ้าใครสนใจซีรีส์ทีวีที่เล่าเรื่องด้วยภาพเจ๋งๆ แนะนำให้ดูเรื่องนี้สุดๆ มีฉากมหัศจรรย์เช่น ตัวละครแค่เดินจากจุด A ไปจุด B ไม่ได้มีบทพูดอะไรเลย แต่มันกลับเป็นฉากที่ตื่นเต้นฉิบหาย ผู้กำกับดีไซน์ให้มันเป็นฉากที่มีค่ามาก และช่วยเล่าเรื่องได้ดีเลย
เออ เล่าเรื่องแบบไม่สปอยล์นิดๆ ก่อน เรื่องของ โซฟี เมียรัฐมนตรีกระทรวงอะไรสักอย่างของอังกฤษ เพิ่งรู้จากปากผัวว่าพรุ่งนี้งานเข้าแน่ เพราะสื่อเพิ่งจับได้ว่าเขาแอบมีชู้กับเด็กสาวที่ทำงาน อีเมียก็ดีใจหาย แม้ว่าจะตกใจและเจ็บมากๆ แต่ก็ยืนหนึ่งให้กำลังใจผัว จนกระทั่งผู้หญิงอีกคนตั้งทนายขึ้นมาฟ้องว่าที่จริงโดนผัวของเธอข่มขืนนะ ไม่ใช่แค่กิ๊ก
และ ณ จุดที่เธอรู้ความจริงเฟรมภาพก็หมุนกลับหัว 360 องศา นี่คืองาน Conceptual Shot ที่ดีไซน์ฉากเจ๋งๆ แบบที่เราเองไม่เคยดูมาจากหนังเรื่องไหนเลยและเด็ดมากตลอดเรื่อง เช่นอีกฉากที่ชอบมาก ฉากที่ผัวเมียเริ่มทะเลาะกัน อยู่ๆ ภาพก็ทำสโลว์โมชั่น ไม่ได้ยินว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร เห็นแต่สองคนนี้สาดความโกรธใส่กัน แต่กล้องอ่ะหมุนเหวี่ยงรอบตัว กลับหัวหาง จนทำให้เราเข้าใจว่าผัวเมียเขาทะเลาะกันเรื่องอะไรได้เลย ผู้กำกับเล่านิยาย Courtroom Drama ผัวเมียชู้ ได้เหนือชั้นจริงๆ ลุ้นมากๆ ในแต่ละอีพี
ซีรีส์เรื่องนี้ นี่มาวันเดียวกับข่าว สส พรรคใหญ่ในไทยที่มี Sexual Harrasment กับลูกน้องพอดี ประเด็นข่มขืนในประเทศบ้านนอกอย่างพวกเรานี่กำลังกระเพื่อมมาถึงแล้วนะ แต่ที่ๆ เขาเจริญกันแล้ว เรื่องนี้มันพลิกฟ้า ถล่มสวรรค์ของผู้ชายห่วยๆ มาเยอะมาก เชื่อมากว่าผู้ชายไทยหลายคนโดยเฉพาะคนแก่ๆ ดูเรื่องนี้เผลอๆ ยังตอบไม่ได้เลยว่า ข่มขืนยังไงวะ ก็ใช่สิ ก็มึงเป็นใหญ่และใช้ความใหญ่เนี่ยข่มเห็งรังแกคนอื่นมาเป็นร้อยปีแล้ว มันควรจะเข้าใจและปรับ attitude เรื่องการคุกคามทางเพศนี่กันได้สักที
ความที่เป็นหนัง Mystery Drama ที่เราต้องคิด ต้องลุ้นตามว่า ยังไงนะ ตกลงเราโดนหลอก หรืออะไรคือความจริงนะ มันได้กระตุ้นมันสมองมาก มันทำให้เราฝึกมองหาความจริง เพราะคนโกหกเก่งๆ นี่มันหลอกกันได้ขนาดนี้เลยนะ หนังชวนเราคิดและต่อสู้กันบนเส้นบางๆ ของศีลธรรม อะไรถูกอะไรผิดไปคิดเอาเอง คือเรายังไม่อยากบอกหรอกว่าสุดท้ายคดีในหนัง 6 ชั่วโมงมันจะจบลงยังไง แถมเรื่องนี้ยังเหมือนหนัง Mystery ดีๆ ที่จะต้องมี Anti-Climax หรือจบแล้วยังพลิกได้อีกให้เราได้เฟี้ยวปาก มันเป็นหนังที่สมบูรณและดูสนุกมากๆๆ
บางทีอะไรถูกอะไรผิด อาจจะต้องใช้หัวใจมองมากกว่าสายตา และถ้าเลือกได้จงเลือกอยู่ฝั่งที่ถูกนะ แม้ว่ามันจะเจ็บมากแค่ไหนก็ตาม
ป.ล. ในฐานะแฟนคลับ Michelle Dockery จาก Downton Abbey เราว่าเรื่องนี้เธอเล่นดีระดับทำให้เรานึกถึง Gelnn Close ได้เลย เรื่องนี้นางรับบททนายความสาว ที่มีอารมณ์และความลับในการทำคดีอื้อฉาวได้เปล่งประกายมากๆ ฉากเดินจากจุด A ไปจุด B ที่เราเล่า ก็ได้ออร่าของนางนี่แหละส่องประกาย
ป.ล.2 หนังเขียนจากนิยายของ Sarah Vaughan ที่ดูๆ อยู่เราก็หันไปถามคนข้างๆ ว่า นี่นางกินข้าวกับอะไรนะทำไมถึงเขียนอะไรดีเลิศแบบนี้ได้ ถ้ารู้ก็อยากไปหากินมั่ง