Anatomy of a Fall (France, 2023)

Joe Readery
Dec 21, 2023

--

a.k.a. Anatomie d’une chute

โอ้โห ตั้งแต่วินาทีแรกของหนัง จนถึงวินาทีสุดท้ายที่โน้ตตัวแรกของ End Credit ขึ้นแล้ว เรายังคิดไม่ตกเลยว่า สรุปนางเป็นคนที่ฆ่าผัว หรือผัวเธอฆ่าตัวตาย นี่คุณคนทำหนัง คุณสนุกกับการป่วนหัวเราแบบนี้ก็ได้เหรอ คุณเก่งมากๆๆๆๆ จริงๆ

เรื่องของนักเขียนสาวเยอรมัน ที่ย้ายไปอยู่หมู่บ้านในฝรั่งเศสกับลูกและผัว พอวันหนึ่งลูกชายพบศพผัวเธอนอนตายอยู่หน้าบ้าน เธอก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมแต่เพียงผู้เดียว แต่เธอจะเป็นคนฆ่าไหมนะ หนังทำให้เราคิดกลับไปกลับมาตั้งแต่ฉากแรกจนหนังจบยังคิดต่ออยู่เลย ความจริงคืออะไร

ใช่ๆ หนังพูดเรื่องความจริงเยอะมาก มันเป็นหนัง Courtroom Drama ที่ในศาลมันคือสถานที่ไม่ใช่เพื่อปลอบประโลมใจใครทั้งนั้น มันทั้งฟาดทั้งฟันจนเลือดสาดเพื่อค้นหาสิ่งที่เรียกว่า ความจริง

แต่ความทรงจำของคน มันไม่ใช่เรื่องจริงไง มันคือเรื่องโกหก หรือนิยายที่เราแต่งให้ตัวเองฟัง ชอบประเด็นนี้ของหนังมากถึงมากที่สุด นางเอกเป็นคนแต่งนิยาย มันทำให้นางกลายเป็นคนโกหกโดยสันดานอยู่แล้วไหมนะ โอ๊ย เขียนอยู่ นี่ยังไม่รู้จะเอายังไงกับเธอดีเลย จะเชื่อเธอ หรือไม่เชื่อเธอดี นี่คือสุดยอดของ non-reliable character เป็นคนเล่าเรื่องแบบที่เราไม่ค่อยไว้ใจว่าจะเชื่อได้ไหม ทุกสิ่งที่เธอทำมันคือการแสดงไหมนะ

ดูหนังดราม่าเรื่องนี้เหมือนอยู่ในเกม เหมือนเราได้รับบทเป็นลูกขุนอยู่ในหนังด้วย ทั้งมุมกล้องและอะไรต่อมิอะไรปฏิบัติกับสมองเราให้หัวหมุนไปหมุนมา จะเชื่อก็เชื่อได้ไม่เต็มร้อย ต้องอยู่กับคดีความที่ตัดสินกันเป็นปีๆ

ฉากมหัศจรรย์ฉากนั้น ที่อัยการพบหลักฐานใหม่ว่า อีผัวชอบอัดเสียงคุยกับเมียไว้เป็นวัตถุดิบเขียนนิยาย แล้วดันมีคลิปเสียงตอนทะเลาะกันกับเมียก่อนตายหนึ่งวัน ซึ่งหนังใช้เทคนิค reenact คือเปิดเสียงแล้วจำลองภาพ เหมือนคนทำหนัง simulate หรือจำลองภาพขึ้นมาให้เราดูครึ่งทาง แล้วอีกครึ่งท้ายๆ ให้เราคนดูฟังเสียงอย่างเดียว จนเราอดที่จะจำลองภาพที่เหลือในหัวตัวเองไม่ได้

ประเด็นมันคือไอ้ภาพจำลองที่เราคิดในหัวนี่แหละที่มันเลือกเชื่อแบบไหน แบบเมียเป็นคนฆ่าผัว หรือผัวซึมเศร้าจนฆ่าตัวตาย หนังเรื่องนี้มันขีดเส้นไฮไล้ท์ความสามารถของหนังที่ทำกับคนดูได้สุดยอดมากๆๆๆ ครับ

ดูหนังเรื่องนี้แล้วเหมือนตอนอ่านหนังสือคนนอก ของอัลแบร์ กามู ที่ตัวละครมันเหมือนเป็นคนประหลาดไม่เหมือนชาวบ้านแม่ตายก็ยังไม่ร้องไห้ แปลว่าใจเหี้ยมจนเป็นฆาตกรได้สิ ในหนังเรื่องนี้นางเอกก็เหมือนกัน เป็นคนเยอรมันพูดฝรั่งเศสไม่คล่อง เป็นสาวแกร่งเกินคนทั่วไปจนน่าสงสัย เป็นแม่ที่ปกป้องลูกจนเราไม่แน่ใจว่าเป็นไปได้เหรอวะ ไหนจะเป็นนักเขียนดังที่ทำท่าจะลื่นไหลทางเพศอีก โว้ย เชื่ออะไรได้บ้างวะนี่

บวกฝั่งอีทนายจำเลยซึ่งทำท่าจะเป็นแฟนเก่าจากอดีตสมัย สู้กับอีกฝั่งอัยการผู้ซึ่งเป๊ะกับวิทยาศาสตร์ของการร่วงหล่นของศพ เลยทำให้คณะลูกขุนอย่างเราตัดสินยากมากคร้า แต่ก็สนุกมากด้วยว่าจะ “เลือกเชื่อ” อะไร มันคือทฤษฎี Confirmation Bias หรือการมองดูหนังเพื่อหาหลักฐานมา support สิ่งที่เราฟันธงไปในหัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเชื่อว่านางเป็นฆาตกร หรือผัวเป็นซึมเศร้า สนุกป่ะล่ะ

นี่ยังไม่นับ p.o.v. มุมลูกเด็ก 10 ขวบตาเกือบบอด ซึ่งออกไปเดินเล่นกลับมาเจอศพพ่อนอนตายอยู่หน้าบ้านที่มีแม่อยู่คนเดียว จะเอาไงดีนะ ยิ่งนั่งฟังทนายซักฟ้องแม่ในศาลบ่อยเข้าก็เชื่อได้ว่าแม่ฆ่า แต่ถ้าให้การไปทางนั้นต่อไปแม่ติดคุกกรูจะอยู่ยังไงก่อน

ชอบประเด็นของหนังมากถึงมากที่สุดที่ว่า บางครั้งเราไม่มีทางรู้เลยว่าความจริงคืออะไร สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือ judge หรือตัดสินเอาจากสิ่งที่เราเชื่อจากหัวใจของเราได้เท่านั้น

นี่คือหนังซึ่ง mess up ป่วนระดับสติปัญญาเรามากๆ เป็นสุดยอด Plot Twist, Chracater Twist, มารดาท่าน Twist ที่คู่ควรรับรางวัลปาล์มทอง of the decade ไปเลยจร้า

--

--

Joe Readery
Joe Readery

No responses yet